ผมเคยพูดกับตัวเองตอนที่ได้เป็นเจ้าของ Moleskine เล่มแรกในชีวิตไว้ว่า “ชีวิตนี้จะขอใช้เพียงสมุด Moleskine เท่านั้น! จะไม่คิดเปลี่ยนใจไปใช้สมุดอื่นเลย” น้ำเน่าใช่ไหมครับ? แต่ไม่เกินจริงเลย… ด้วยคุณภาพการผลิตที่ดีเยี่ยม เนื้อกระดาษที่เรียบเนียน รวมถึงประวัติและเรื่องราวความเป็นมาที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล จึงเป็นเรื่องง่ายมากที่ทำให้ผมตกเป็นทาสรัก Moleskine จนถอนตัวไม่ขึ้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่ผมไม่มีวันลืมได้เลย ผมนั่งดูผลงานภาพวาดของ sketcher คนหนึ่งที่ผมชื่นชอบหลงใหลมาช้านาน Russell Stutler เปิดรูปดูรูปแล้วรูปเล่า ทุกรูปบรรจงวาดลงบนสมุด Moleskine Watercolor และลงสีน้ำไว้อย่างสวยงามปราณีตบรรจง แต่เมื่อผมคลิกเปิดรูปถัดไปนั้นเอง โลกทั้งโลกกลับหมุนกลับตารปัตร ในหัวผมขาวโพลน ความงุนงงถาโถมท่วมท้นมาในสมอง ผมสบถซ้ำๆกับตัวเอง “นี่มันสมุดเชี่ยอะไรว่ะ?!!” ใช่ครับสมุดขนาดเดียวกันกับ Moleskine หน้าตาคล้ายกันมากแต่ไม่ใช่ พิจารณาลายลากเส้นปากกาและรอยจางๆ ของสีน้ำ ปากผมก็สั่น กลั่นเสียงเบาๆพอได้ยินแค่ตัวเองคนเดียวว่า “ไม่ใช่แน่ๆ…ไม่ใช่ Moleskine”
สมุดปกดำเชือกคั่นสีส้มแปลกตา ภาพนั้นประทับเข้ามาในสมอง สลัดอย่างไรก็ไม่มีหลุด ข่มตาให้หลับก็กลับยิ่งเห็นภาพชัดขึ้น คืนนี้คงยากที่ผมจะนอนหลับได้ลง… แล้วไม่ถึงนาทีหลังจากนั้นผมก็ผล็อยหลับไป
ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในสมอง “หิวหว่ะ กินอะไรดีว่ะ?” ใช่ครับผมหิว แต่ไม่เกี่ยวกันครับอ่านข้ามไปก็ได้ ผมใช้เวลาตลอดเช้านั้นเพื่อตามหาสมุดลึกลับเล่มนี้ ทั้งดูจากรูปวาดของ sketcher ท่านอื่น หาใน Google ด้วยคีย์เวิร์ดประมาณว่าสมุดดำ เชือกส้ม แต่ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ยิ่งหายิ่งมึดหม่น ยิ่งค้นยิ่งห่างหาย “ผมคงไม่ได้พบกันคุณอีกแล้วสินะ” ผมรำพันในใจ
เลยย้อนกลับไปยังเว็บเดิมอีกครั้งเพื่อได้เพียงแค่มองเธอและกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย “ถึงแม้ไม่รู้จักชื่อ… แต่ขอเพียงแค่ได้เห็นหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี” ผมเปิดดูภาพของ sketcher คนนั้นอีกครั้งเพื่อพิจารณาเธอ…ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า “เพื่อจะได้ไม่ลืมกัน” ทันใดนั้นสายตาผมก็สะดุดกับข้อความใต้รูป “ใช่จริงๆด้วย! นี่คือชื่อของเธอ!” Hand Book Journal ชื่อของเธออยู่ที่ตรงนี้ ที่นี่ ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้พบกับเธอ! ฟาย!
เพ้อเจ้อมาหลายย่อหน้าเห็นทีต้องกลับเข้าเรื่องหลักของเราเสียทีครับ สมุดที่ผมจะรีวิวในวันนี้คือ Hand Book Journal Co. Travelogue Series: Pocket Portrait 5.5″ x 3.5″ เล่มนี้ผมได้มาจาก ebay ครับ เพราะผมไม่สามารถหาได้จากที่ไหนได้เลย…ในที่นี้หมายถึงที่เค้าส่งมาไทยอ่ะนะ ตอนแรก seller คนนี้ก็ไม่ส่งมาไทยหรอกครับผมเลยลองติดต่อเค้าดูว่าส่งไทยได้มั้ยและส่งถูกๆคิดค่าส่งเท่าไหร่เลยได้เล่มนี้มาในราคา 8.99$ บวกกับค่าส่งอีก 8.18$ ครับ (ค่าส่งนี่ตัวดีเลยทำให้ราคาแพง -*-) โดยขนาดรูปร่างเท่ากับ Moleskine Pocket เลยครับ แต่หนากว่าเกือบเท่าตัว ด้วยกระดาษ acid free 128 หน้า ตัวกระดาษเป็นแบบหนาซึ่งเหมาะกับการวาดรูปเป็นอย่างมาก โดยบริษัทอ้างว่าใช้ได้ดีมากกับทั้งปากกา ดินสอ หรือ หมึก รวมทั้งยังใช้ได้ดีกับ marker รวมไปจนถึงสีน้ำเลยทีเดียว จะโม้อย่างไงก็ช่าง ผมไม่เชื่อหรอกจนกว่าจะได้พิสูจน์
ข้อดีที่ผมชอบก็คือ มันเป็นสมุดแนวตั้งครับ ถ้าเทียบกระดาษที่สามารถลงสีน้ำได้ดีนั้นก็จะเทียบได้กับ Moleskine Watercolor แบบเดียวเท่านั้นแต่นั่นดันเป็นแนวนอน ส่วนตัวผมคิดว่าแนวตั้งใช้สะดวกกว่า กางแล้วไม่ยาวมาก อีกทั้งผมก็ถนัดแนวตั้งมากกว่า แต่สำหรับคนอื่นๆ นี่อาจไม่เป็นปัจจัยก็ได้เพราะผมมันบ้าอยู่คนเดียว
จริงๆแล้ว Hand Book Journal ในซีรี่ส์นี้มีด้วยกัน 4 สี ได้แก่ Ivory Black(เล่มนี้) Cadmium Green(เขียว) Vermillion Red(แดง) และ Ultramarine Blue(น้ำเงิน) และมีด้วยกันหลายขนาดให้เลือกใช้อย่างจุใจ แต่เล่มที่ผมได้มาวันนี้เป็นขนาด Pocket Portrait ครับ ถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะคล้ายกับ Moleskine อยู่มาก แต่ก็มีจุดแตกต่างให้สังเกตได้ชัดอยู่เช่นกัน ปกของสมุดจะเป็นผ้า ต่างกับ Moleskine ที่เป็นหนังสังเคราะห์ และเนื่องจากเป็นผ้ามันจึงเปื้อนได้ง่ายมากๆ เลยครับ ยิ่งเล่มนี้สีดำยิ่งไปกันใหญ่เลย เช่น เราจับแก้มแฟนตอนสวีทหวานแล้วกลับมาจับสมุดเล่มนี้ ปกสมุดจะเป็นรอยเปื้อนแป้งชัดเจน จะปัดจะดีดอย่างไรก็ออกยาก ยังคงทิ้งร่องรอยแป้งให้รำคาญใจ
จุดสังเกตที่สองคือ สายรัดครับ เท่าที่ผมลองจับลองสัมผัสดูจะเป็นวัสดุที่เป็นเชือกใยสังเคราะห์สารเท่ากับยาง(ยึด?) ข้อดีคือ มันยึด-หดดีมาก รู้สึกได้เลยว่ารัดได้แน่นหนามาก ลองนึกถึงหนังยางรัดของเส้นแบนๆ สีเหลืองขี้ดูครับคล้ายกันเลย
อีกจุดหนึ่งซึ่งผมชอบมากๆเลยก็คือ เชือกคั่นสมุดครับ สีส้มโคตรสวยเลย เพราะผมชอบสีส้มมากๆ ก็ลองดูหน้าเว็บนี่สิ ยิ่งเป็นสมุดปกดำ + เชือกสีส้ม ยิ่งสวยงามเด่นชัดไปใหญ่เลยครับ
ทีนี้มาลองเทียบจำนวนหน้ากระดาษกันครับ Hand Book Journal เล่มนี้มี 128 หน้าครับ ถ้าเทียบกันที่ขนาดรูปร่างเดียวกัน Moleskine Sketchbook ที่มี 80 หน้า และ Moleskine Watercolor 60 หน้า Hand Book Journal เล่มนี้คุ้มกว่าเห็นๆ!! บัดซบ!! (…คือแอบเชียร์ Moleskine อ่ะแต่ข้อนี้แพ้)
ปกในด้านหน้าก็งั้นๆ ครับมีให้เขียนชื่อและที่อยู่สำหรับติดต่อเราได้แต่ก็ไม่เท่เท่ากับ Moleskine หรอกครับ แต่ส่วนที่แตกต่างชัดคือด้านในปกหลังครับเป็นซองเป็นช่องเล็กๆให้เราไว้ใช้เก็บโน๊ตเล็กๆ นามบัตร ธนบัตร หรืออะไรก็แล้วแต่เหมือนกันกับ Moleskine นั่นแหละ แต่ของสมุดเล่มนี้จะเป็นซองพลาสติกใสแจ๋วพร้อมฝาปิด ผมว่าเข้าท่าดีนะมันสามารถกันน้ำกันชื้นได้ดีทีเดียว ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่คลาสสิคก็ตามแต่ก็มีประโยชน์ดีนะ
อืมมมมม อันนี้ผมจะเรียกว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสียดีนะ มันเป็นอย่างนี้ครับ คือสมุดเล่มนี้มันดีตรงที่ว่าเราสามารถกางสมุดได้ 180องศาเลย ทำให้เราสามารถวาดรูปขนาดใหญ่ได้ทั้งสองหน้าติดกัน แต่มันมีข้อเสียอยู่นิ๊ดเดียวตรงที่พอมันกางแล้วสมุดมันโป่งครับ คือไอตัวปกมันจะนูนออกไปด้านนอกมาก โป่งเป็นเซนติเมตรได้เลยทำให้เวลาเราวางสมุดวาดบนโต๊ะมันเลยไม่เรียบทำให้เวลาวาดอาจจะยวบๆเวลาเราจรดปากกา ทำให้เส้นออกมาไม่สวยได้นะครับ ต้องใช้ระวังๆหน่อย
มาถึงเรื่องที่เรารอคอยกันแล้วนะครับ มาลองกระดาษกันหน่อยว่ายอดเยี่ยมเหมือนที่คุยไว้หรือเปล่า ตัวกระดาษเป็นกระดาษสีงาช้างดูสบายตา เนื้อกระดาษเรียบเนียนดีครับ มีพื้นผิว(texture) เล็กน้อย ถึงจะจับแล้วไม่หนามากแต่ผมเล็งดูแล้วเนื้อเยื่อมันแน่นดีจริงๆ ครับ
เริ่มต้นด้วยการวาดเส้นลงบนกระดาษก่อนด้วยปากกา Lamy และหมึกดำกันน้ำของ Noodler’s ต้องขอบอกว่ากระดาษนี้รับน้ำหมึกได้ดีทีเดียวครับ เส้นที่ได้คม ไม่ซึมจนเส้นเบลอหรือทะลุไปด้านหลัง เขียนได้ลื่นมือและสามารถควบคุมเส้นได้ ความเร็วในการแห้งของหมึกอยู่ในระดับปานกลาง ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป เขียนแล้วทิ้งไว้สัก 5-10 วินาทีจะดีที่สุด(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของหมึกด้วยนะ) พอวาดเส้นเสร็จผมจึงวางตากลมให้แห้งสนิทประมาณ 5 นาทีจึงเริ่มลงสีน้ำ ครั้งแรกที่จรดพู่กันลงไปแต้มสี “เห้ย! กระดาษมันดีเว้ย สีไม่เลอะไม่ไหลมั่วซั่วเลย!” เป็นตามนั้นจริงครับ ผมสามารถควบคุมสีน้ำได้อย่างง่ายดายไม่ไหลไปตามเนื้อเยื่อกระดาษ และพอทิ้งไว้ให้แห้งสีน้ำก็สดสวยมาก ทั้งๆที่เป็นกระดาษสีงาช้างก็ตาม พอลองลงสีแบบใช้น้ำเยอะๆ ก็ออกอาการกระดาษงอบ้างแต่ไม่มาก เนื่องด้วยกระดาษที่ไม่หนามากจึงย่อมมีอาการงอบ้างเป็นธรรมดา เมื่อลองพลิกดูด้านหลัง ทั้งหมึกปากกาและสีน้ำก็ไม่ซึมทะลุเลยครับ สามารถวาดเขียนได้ทั้งสองหน้าสบายกระเป๋าเลย
สรุปเลยนะครับ ผมไม่คิดว่าจะมีสมุดยี่ห้ออื่นใดดีไปกว่า Moleskine ได้เลย แต่สมุดเล่มนี้ได้หักล้างความคิดนี้ไปโดยสิ้นเชิง แต่ช้าก่อน! ผมไม่ได้บอกว่ามันดีกว่านะครับ แต่ถ้ามองเอาราคาเป็นตัวเปรียบเทียบ Hand Book Journal Pocket ราคา 8.99$ เทียบกับ Moleskine Watercolor Pocket ราคา 12.95$ เจ้า Hand Book Journal ถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ เราจะหาสมุดคุณภาพสูงขนาดนี้ใช้หมึกก็ได้สีน้ำก็เยี่ยมจำนวนหน้าก็มากกว่าในราคาไม่ถึง 300 บาท ได้จากที่ไหนอีกแต่เล่มนี้ทำได้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ครับ
ใครที่วาดภาพเป็นชีวิตจิตใจ รักจะเป็น sketcher โดยแท้ ก็ลองหามาครอบครองกันสักเล่มนะครับ สมุดดีกระดาษดีแบบนี้พลาดไม่ได้จริงๆ…แต่อย่างไรก็แล้วแต่ผมคงไม่เทใจให้ง่ายๆหรอก เพราะที่หนึ่งในดวงใจคือ Moleskine ที่ผมหลงรักเล่มนี้เล่มเดียวเท่านั้น ตลอดกาลลลลลลลลลล
ปล. ช่วงนี้รู้สึกว่าไม่ค่อยได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับ Lamy และ Moleskine เลย ไม่ครับ! ผมไม่ได้โดนล้างสมอง แค่แวะชมดอกไม้ริมทางเท่านั้นเอง กร๊ากๆ
ปล.2 ผมลืมให้เว็บไซต์เลยแหะ ลองไปดูต่อที่นี่เลยนะครับ Global Art Materials : Trav•e•logue series : artist journals