เงิน 20 บาท สำหรับคุณแล้วสามารถทำอะไรได้บ้างครับ? สำหรับผมแล้วถ้าไม่ซื้อชาเขียว ก็ซื้อมาม่าได้ 4 ห่อ ไม่ก็ปลากระป๋องได้ 1 กระป๋อง (อาหารในหลุมหลบภัยหรือไง?) แต่รู้มั้ยครับว่าเงิน 20 บาท สามารถใช้ซื้อปากกาหมึกซึมที่สามารถเติมหมึกอะไรก็ได้ที่คุณชอบแล้วยังเหลือเงินอีก 2 บาท เอาไปซื้อลูกอมได้ 2 เม็ด ผมรู้ๆ คราวก่อนก็ปากกาด้ามละ 32 บาทไปทีนึงแล้วคุณผู้อ่านก็ช็อคตาค้างไปทีนึงแล้วใช่มั้ยครับ คืนนี้เรามาค้างด้วยกันอีกซักรอบดีกว่าครับ -..-
ปากกาที่ผมพูดถึงนี้จะเป็นยี่ห้ออื่นไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ M&G ผู้ผลิตปากกาหมึกซึมสุดถูกจากประเทศจีนครับ จากคราวก่อนที่ผมได้รีวิวปากกา M&G Snoopy ไปแล้วและถูกใจเอามากและเชียร์จนออกนอกหน้า จนผู้อ่านหลายๆ คนคงแอบคิดว่าไอหมอนี้คงได้ค่าโฆษณามา 8 แสนบาทแน่ๆ คราวนี้เป็นคิวของปากการุ่นเล็กราคา 18 บาท อ่านไม่ผิดครับ 18 บาท 18 บาท 18 บาท 18 บาท 18..(ผัวะ!! แกเล่นมุกนี้ไปแล้วเฟ้ย!!) ซื้อมาจากร้านเครื่องเขียนสมุดลานนาเจ้าเก่าครับ ปากกาคราวนี้ไม่มีหีบห่ออะไรเลย ไม่มีแม้แต่ซองพลาสติกนะครับ ถ้าหากคุณจะไปลองหามาใช้ให้สังเกตกล่องปากกาสีหวานๆ เสียบปากกาตั้งๆ นั่นแหละครับบรรจุภัณฑ์ของเจ้าปากกาด้ามนี้…ปากกาโหล
M&G : Miffy & Possters คือชื่อของมันครับ ปากกาหมึกซึมสีหวานราคา 18 บาท มีด้วยกัน 4 สี ผมซื้อมาหมดทุกสีครับเพราะราคามันถูกมากกกกก แหงหล่ะ! แพงผมไม่ซื้อมาหลายด้ามหรอกคุณก็รู้ ลายบนปากกาเป็นลายหมีน้อยน่ารัก Miffy และเพื่อนรัก Possters ซึ่งมันคงเป็นคาแรคเตอร์อะไรซักอย่างที่บริษัทคิดขึ้นมานี่แหละ คงเพราะไม่อยากเสียค่าลิขสิทธิ์จ้างสนู้ปปี้มาขายเลยทำเองเสียเลย รูปร่างปากกาก็กากสมราคาเลยครับ วัสดุเป็นพลาสติกราคาถูกทั่วๆไปที่ใช่ทำปากกาลูกลื่นแบบขายเป็นโหล หน้าตาก็เหมือนปากกาลูกลื่นทั่วไปเพียงแต่หัวปากกาเป็นหมึกซึมเท่านั้น
เปิดปลอกปากกาแล้วหมุนแยกร่างเพื่อพิจารณาเป็นส่วนๆ ก็พบว่าผมไม่สามารถแยกปากกาในส่วนหัวได้เลยครับ ไม่ว่าจะดึงจะแงะหรือดันจากด้านท้ายก็ตาม ครั้งนี้เลยไม่ได้เห็นรางส่งหมึกเลย เสียดาย…แต่ไม่แคร์ (จะทุบให้แตกก็กลัวโดนหาว่าก้าวร้าวซึ่งตัวจริงเป็นคนสุภาพและน่ารักมากกกกกก……)
ปากกาด้ามนี้เป็นแบบ hooded nib ครับ มันคืออะไร?!! hooded nib หรือแปลตรงตัวก็คือ หัวปากกาแบบมีหมวก คือลักษณะของปากกาหมึกซึมที่มีส่วนของตัวด้ามจับปากกายื่นออกมาปิดบังในส่วนบนของ nib เป็นการออกแบบเพื่อความสวยงามเป็นหลักแต่แฝงประโยชน์ที่น่าสนใจไว้ก็คือ เพื่อป้องกันหรือชะลอการแห้งของหมึกเวลาที่เราเปิดปลอกปากกาทิ้งไว้นานๆ เช่นเหม่อถึงแฟนตอนเขียนจดหมาย หรือตอนคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรในบล็อกตอนนี้ดี… ซึ่งช่วยทำให้เขียนได้นานและต่อเนื่องขึ้น หมึกที่หัวปากกาแห้งช้าลงและประหยัดหมึกเมื่อเทียบกับปริมาณหมึกที่เท่ากันใน nib แบบธรรมดาทั่วไปอย่างที่เราเห็นกันในปากกา Lamy Safari โดย hooded nib นี้มักจะพบในปากกาหมึกซึมรุ่นใหญ่ที่มีราคาค่อนข้างสูง เช่นปากกา Lamy 2000 หรือ Parker 51 เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องมาจากการผลิตที่ยากและซับซ้อนและต้องใช้ความพิถีพิถันกว่าแบบปรกติทำให้ราคาปากกาสูงขึ้นนั่นเอง…แล้วไอปากกานี้เป็น hooded nib ได้ไงฟระ?!!
อีกเรื่องนึงที่ต้องพูดถึงเลยก็คือ ปากกาด้ามนี้ตอนซื้อมาจะไม่มีหมึกแถมมาให้นะครับ ใครที่คิดจะซื้อมาแล้วใช้เลยนี่ผิดถนัดครับ หลอดหมึกที่ให้มาด้วยนั้นเป็นหลอดหมึกแบบสูบครับ คือคุณต้องไปหาหมึกมาใส่เองโดยลักษณะหลอดสูบหมึกก็เหมือนกับคราวก่อนครับ เป็นก้านแปลกๆ ที่ตัองใช้เล็บจิกเพื่อสูบหมึกขึ้นมา แต่คราวนี้ผมมีงงครับ!! ในหลอดสูบหมึกมันดันใส่ “ขดลวดสปริงที่ไม่ยืด” มาให้ด้วย!! ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่และถือปากกาลามี่ออกมาก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ! ต้องออกตัวก่อนเลยครับว่าโคตรงงและผมไม่สามารถหาคำตอบมาบอกคุณผู้อ่านได้เลยว่าไอสปริงนั่นมันใส่มาทำไม มันไม่ทำหน้าที่อะไรเลยนอกจากไหลไปไหลมาในหลอกหมึก ไม่ยึดไม่หดไม่ช่วยอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว……..หรือว่ามันจะเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงสุดของวงการปากกาจากประเทศจีนก็เป็นได้!!
มาถึงเรื่องสำคัญนั้นก็คือการทดสอบการเขียนครับ อยากรู้นักว่าปากกาด้าม 18 บาทจะทำได้ดีเหมือนรุ่นพี่หรือไม่ ผมสูบหมึก Noodler’s Black Bulletproof เต็มหลอดแล้วก็ใส่ปากกา รอซักพักให้หมึกไหลเข้าที่พร้อมออกมาโลดแล่นบนผิวกระดาษขาวอันแสนนุ่มนวล จรดปลายปากกาแล้วบรรจงวาดเส้นแรก ปากกานี้มันกากสุดๆไปเลย! เห้ยทำไมมันห่วยอย่างนี้ฟระ?!! nib แย่มากครับ เส้นเล็กและเขียนไม่ลื่นมือเลยซักนิด กินกระดาษ ลากเส้นแล้วรู้สึกสะดุดอย่างเห็นได้ชัด หากหมุนปากกาผิดมุมนิดเดียวก็จะเขียนไม่ได้หมึกไม่ออกเลย ลองวาดรูปโดยใช้ความรู้สึกเหมือนกับการวาดทุกทีก็กลายเป็นว่าลาก 10 เส้น ไม่ออกซะ 3-4 เส้น เสียเวลามาก! ต้องมาคอยซ้ำเส้นอีกรอบกลายเป็นเส้นไม่สวยเลย ทั้งนี้พอลองเขียนไปซักพักก็เริ่มเข้าใจว่าปัญหามันมาจากการผลิต nib ที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ปลาย nib ทั้งสองข้างของเส้นส่งหมึกมีความเหลื่อมกันอยู่ ทำให้ถ้าหากคุณหมุนมือผิดองศานิดเดียว nib ในส่วนที่มีหมึกก็จะไม่สัมผัสกับกระดาษเลยเขียนไม่ออกนั่นเอง
พยายามวาดให้เป็นรูปอย่างช้าๆ และเขียนให้นิ่งที่สุดจึงปรากฎเป็นรูปอย่างที่เห็นครับ จะว่ามัน “ใช้เขียน” ได้มั้ยมันก็ได้นะครับ แต่คุณต้องจับจุดให้ได้แล้วต้องมีสมาธิมาเพื่อควบคุมการหมุนของปากกาเพื่อให้เขียนได้ตลอดรอดฝั่ง ซึ่งความเห็นผมก็คือ เอาไปโยนทิ้งเหอะครับ อะไรถ้ามันทำให้เราต้องลำบากมากขึ้นที่จะเขียนหรือวาดรูปผมว่าอย่าไปใช้เหอะ หรือไม่ก็ซื้อมาเพื่อเอาหลอดสูบหมึกไปใช้กับด้ามสนู้ปปี้น่าจะเข้าท่ากว่าครับ จึงสรุปได้ว่า hooded nib ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยในเมื่อมันเขียนได้แย่มาก หล่อไร้ประโยชน์!!
แถมท้าย!!
ในที่สุดเลือดสัตว์ป่าที่ดุร้ายและก้าวร้าวของผมมันก็ระอุครับ วิ่งไปหยิบคีมออกมาจากในห้องครัวและกรรไกรตัดลวดจากห้องน้ำ จากนั้นก็บีบด้ามจับปากกาให้แตกไปเลย! …ไม่แตกครับ! เพราะส่วนด้ามจับนั้นใช้พลาสติกคนละชนิดกับตัวด้าม ซึ่งด้ามจับมันเป็นพลาสติกแบบเนียวผมก็เลยเปลี่ยนมาใช้กรรไกรตัดลวดตัดแยกร่างแทน ก็ถึงบางอ้อครับ! หัวปากกาด้ามนี้มันยึดไว้ด้วยล็อกที่ค่อนข้างแน่นหนา ซึ่งวิธีแกะที่ถูกต้องนั้นคือดึงส่วนเกลียวออกมาตรงๆ นั้นแหละครับ มันก็จะแยกเป็นสองส่วนเผยให้เห็น nib และ feed ที่อยู่ด้านในครับ …ปากกาพังไปหนึ่งด้ามแต่ก็สะใจชะมัดเลยครัฟ!
สังเกตุดู ink feed ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ เล็กแต่ก็ทำออกมาได้ดี ติอย่างนึงก็คือรางส่งหมึกที่เป็นร่องแคบและเล็กมากๆ ทำให้ ink flow อยู่ในระดับธรรมดาไม่ได้ไหลลื่นแบบที่ควร ทีนี้มาดูในส่วนของ nib ครับ ตามคาดครับทำจากแผ่นเหล็กที่บางและมีขนาดเล็กมาก ประกอบกับมาตรฐานการผลิตที่ต่ำเลยทำให้ปากกาด้ามนี้เขียนได้ไม่ลื่นมือเลย
ก็อย่างนี้แหละครับผมคงคาดหวังมากเกินไป คิดว่าอย่างน้อยน่าจะได้ปากกาที่เขียนพอใช้ในราคาที่ถูกกลับกลายเป็นว่าผิดหวังอย่างจัง แต่ยังไงผมก็แนะนำให้หามาใช้กันดูนะครับ ราคามันถูกมากๆๆ 18 บาทเอง ซื้อมาให้รู้ถึงหลักการทำงานของปาก กาหรืออีกเหตุผลที่เข้าท่าก็คือ ลองเอามาใช้แล้วจะได้รู้สึกผิดหวัง…อย่างน้อยก็ไม่ได้มีผมที่ผิดหวังอยู่เพียงคนเดียว กร๊าาากก
…แล้วอีก 3 ด้ามที่เหลือจะทำยังไงกับมันดีเนี่ย?
ปล. ผมขอประกาศกร้าว! บล็อกตอนต่อไปไม่เอาอีกแล้วกับปากกาถูก คราวหน้าผมจะรีวิวเรื่องหมึกต่อเนื่องกันให้คุณอ่านกันจนกระเป๋าตังค์ระเบิดไปเลยครับ