ขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าบล็อกตอนนี้เขียนด้วยความชิงชังริษยาล้วนๆ เพราะอะไรนะเหรอ? ก็เพราะสมุดที่ผมจะรีวิวในวันนี้มันได้รับการขนานนามว่าเป็น “Moleskine Killer” …แค่ได้ฟังแว็บแรกผมก็เบ่งพลังเป็นซุปเปอร์ไซย่าได้เลย! เท่านั้นยังไม่พอ หากคุณได้ลองท่องเว็บหรือเว็บบอร์ดเกี่ยวกับปากกาหมึกซึมชื่อดังๆ ทั่วโลก คุณก็จะต้องเคยเห็นเจ้าสมุดนี้ผ่านตาบ้างแหละเพราะว่าใครต่อใครก็เอาไอเจ้าสมุดยี่ห้อนี้มาทดสอบปากกาทดสอบหมึกกันทั้งนั้น แล้วก็อวยนักอวยหนาจนน่าหมั่นไส้!!
อันที่จริงสมุดยี่ห้อนี้มันมีมานานแล้วนะตั้งแต่ปี 1934 ถึงแม้ว่าจะไม่นานคลาสสิกเหมือนกับ Moleskine สมุดในตำนานหนึ่งเดียวในดวงใจของผมก็ตาม แต่ระยะเวลาช่วงหลังๆ มานี้ Rhodia ก็สร้างชื่อเสียงได้ดีทีเดียวเลย ทำไมอีกนะเหรอ? มันอย่างนี้ครับเค้าอ้างว่ากระดาษของ Rhodia เป็นกระดาษแบบ fountain pen friendly หรือก็คือกระดาษมิตรรักของปากกาหมึกซึมนั่นเอง คือไม่ว่าคุณจะใช้ปากกาหมึกซึมแบบไหน nib เล็ก-ใหญ่ หมึกประเภทไหนยี่ห้ออะไร หมึกมามาก-มาน้อยเพียงไรก็ตาม กระดาษของ Rhodia ก็สามารถซึมซับรองรับได้หมด โหหหห ไอขี้โม้!! แกเป็นผ้าอนามัยหรือไงฟระ?!!
ผมใช้เวลาตามหาสมุดยี่ห้อ Rhodia มาเกือบปีครับ ไม่ว่าจะหาจากร้านค้าในประเทศหรือเว็บไซต์ต่างประเทศก็ตาม ไม่มีที่ไหนที่ขายในราคาที่ “สมเหตุสมผล” เลยครับ บางที่ก็แพงไป บางที่ก็ขายถูกแต่ดันส่งแพงเท่าราคาสมุดเลย หายากมาก! เล่นตัวเชียวนะแก! จนมาได้เพื่อนผมคนนึงบนทวิตเตอร์ครับ @risingtop (เค้าคนนี้เป็นสมาชิกเพจด้วยนะ แม้จะก้าวเข้าสู่วงการลามี่และ Moleskine มาได้ไม่นาน แต่เม็ดเงินที่สูญเสียไปไม่เป็นสองรองใครแน่นอนครับ กร๊าาากก #เผาเพื่อน) คือคุณท็อปเค้าเป็นธุระจัดหาสมุด Rhodia ซื้อส่งมาให้ผมครับขอบคุณนะครับ เหมือนฟ้ามาโปรดเลย! ทำให้ได้ทราบว่าที่ร้านหนังสือ Asiabook บนห้าง Central World ที่ร้านนี้เค้ามีขายเรียงเป็นตับเลยครับแถมราคาก็ไม่แพงด้วยนะ เล่มละ 398 บาทเอง
Rhodiarama [คลิกที่นี้เพื่อไปยลโฉมสีอื่นๆ] คือชื่อรุ่นของสมุด Rhodia จากประเทศฝรั่งเศส เป็นสมุดรุ่นใหม่ที่มีคอนเซ็ปเน้นสีสันที่หลากหลาย มีด้วยกัน 15 สี ไล่ตั้งแต่สีดำไปยันเหลืองเลย โดยจะมีแค่เพียงขนาดเดียวคือ A6 หรือ 3.5″ x 5.5″ กระดาษมีสองแบบคือมีเส้นกับไม่มีเส้น Acid-free กระดาษมีความหนา 90 แกรม สีงาช้างถนอมสายตา จำนวนหน้าทั้งหมดมี 192 หน้า (96 แผ่น) เท่ากันกับ Moleskine ขนาด pocket ครับ แต่มันจะดีหรือไม่…ผมยังไม่มีทางเชื่อหรอกจนกว่าจะได้ลอง ชิ!!
ก่อนจะไปถึงเรื่องกระดาษนั้น เรามาดูรูปร่างหน้าตากันก่อนดีกว่าครับ โดย Rhodiarama ที่ผมได้มาในวันนี้มีด้วยกัน 2 สีครับคือ Chocolate Brown และ Sapphire Blue คาดด้วยเชือดรัดสมุดสีส้มเป็นเอกลักษณ์ของยี่ห้อนี้ ตัวสมุดหนาทีเดียวครับทั้งนี้ก็เพราะกระดาษที่ใช้เป็น 90 แกรม เลยทำให้สมุดมันหนาขึ้นพอสมควร
หยิบสมุดขึ้นมาดู แปลก!! คือหนังที่หุ้มปกสมุดเป็นหนังเทียมครับแล้วพิมพ์ลายให้ดูเหมือนหนัง คือผมเห็นครั้งแรกแบบยังไม่ได้สัมผัสก็นึกว่าหนังหุ้มปกจะเป็นแบบ Moleskine ที่มีผิวสัมผัสเสียอีก แต่เจ้าปกของ Rhodia นี่มันเรียบลื่นไปเลย ดูเป็นหนังปลอมหลอกตาเป็นที่สุด ไม่เท่านั้นบนหน้าปกยังมีการกดปั๊มโลโก้ Rhodia ต้นสนคู่ตัวใหญ่เบ้อเร้อไว้ซะกลางปกด้วย ดูแล้วไม่คลาสสิกเลยอ่ะ (ได้ทีขี่แพะไล่ กร๊าากก)
ทีนี้มีข้อสังเกตนิดนึงนะ ที่ผมบอกไปว่าปกมันเป็นหนังเทียมนั้นนอกจากนั้นปกมันยังนุ่มๆ หยุ่นๆ ด้วยครับ ถึงแม้จะไม่นุ่มมากแต่ถ้าเอามือจับดูจะรู้สึกได้เลยว่าต่างจาก Moleskine ที่จะแข็งและแน่น คุณคงถามว่านุ่มแล้วทำไมเหรอ? ข้อเสียมันคือหากสมุดถูกกดทับเป็นเวลานาน เช่นโดนสมุดอีกเล่มวางทับ หรือจะเป็นสายรัดสมุดของตัวมันเองนั่นแหละรัด ตัวปกก็จะเป็นรอยบุ๋มลงไปทำให้ดูไม่เรียบเนียนขัดตาครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าทิ้งเวลาให้ผ่านไปสักระยะรอยนั้นจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย นอกจากนั้นถึงแม้สมุดเล่มนี้จะสามารถกางให้หน้ากระดาษแบนราบเขียนต่อกัน 2 หน้าได้ก็ตามแต่ปกมันดันโป่งซะงั้น ทำให้ไม่สามารถวางให้แบนราบไปกับโต๊ะได้ และอีกข้อนึงก็คือมาตรฐานการผลิตครับ โดยสมุดเล่มนี้ผลิตในประเทศฝรั่งเศสนะแต่เท่าที่ผมดูรอบๆ งานมันไม่เรียบร้อยแหะ บนปกยังมีหยดกาวเล็กๆ เลอะอยู่บ้าง แถมบางจุด เช่นตรงสันสมุดก็มีรอยนิ้วมือที่เปื้อนกาวติดอยู่ถูยังไงก็ไม่ออก …ไม่แน่ผมอาจจะได้เล่มที่ไม่สมบูรณ์ก็เป็นได้ครับ
เปิดสมุดขึ้นมาดูครั้งแรก โอ้แม่เจ้า!! ม้าลายสีรุ้ง!! ทั้งปกในและรองปกทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีการพิมพ์ลายเป็นรูปม้าลายครับ แต่ม้าลายตัวนี้ไม่ธรรมดาเพราะสีมันหลากสี และมันสวยถูกใจผมมากเลยเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น ซึ่งตรงส่วนนี้ก็เหมาะกับ Rhodiarama ดีครับเพราะรุ่นนี้เน้นสีที่หลากหลายถึง 15 สี ยังไงล่ะ พลิกกระดาษเพื่อดูเชือกคั่นสมุดก็ไม่มีอะไรนะ เป็นเชือกสีส้มสดที่เข้ากับเชือกรัดสมุดนั่นแหละ เปิดไล่มาเรื่อยๆ จนถึงรองปกหลังก็ตามเคยครับ เฮ้ออ! ใครๆ ก็ล้วนแล้วแต่ลอก Moleskine กันทั้งนั้น มันก็คือช่องเก็บของด้านหลังนั่นเอง แต่ดีที่มีพิมพ์ม้าลายสีรุ้งลงไปด้วยเลยทำให้ช่องเก็บนี้ดูสวยเก๋ไปอีกแบบแหะ
เอาหล่ะมาถึงเรื่องที่ผมค้างคาใจเป็นอยากมาก อยากพิสูจน์เสียทีว่ากระดาษมันจะดีเยี่ยมสักเพียงไหน ทำไมใครๆ ต่างก็อวยกันนักหนา เริ่มด้วยการสัมผัสก่อนเลยครับ จับครั้งแรกก็รู้ได้เลยว่ากระดาษมันหนาครับ 90 แกรมที่ว่าไม่ใช่ราคาคุย รู้เลยว่าหนากว่าของ Moleskine อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นผิวกระดาษยังเรียบเนียนและลื่นจนผมอดคิดไม่ได้เลยว่ากระดาษมันลื่นไปหรือเปล่า ผมก็เลยไม่รอช้าจรดปากกา Lamy Safari EF nib ที่ใส่หมึก Platinum Carbon Black ไว้เต็มหลอดบรรจงเขียนลงไป เป็นไปได้ยังไงฟระ?!! กระดาษนี้เขียนดีเว่อร์!! ผมเขียนข้อความลงไปก็เขียนได้ลื่นมือ ไม่ว่าผมจะตวัดปากกา ขมวดหัวตัวอักษรก็เขียนได้ลื่นสนุกที่เป็นที่สุดไม่มีอาการสะดุดแม้แต่น้อย ยังครับยังไม่จบ!! แน่นอนว่าหมึกที่ขึ้นชื่อเรื่องซึมไปถึงแกนโลกอย่าง Platinum Carbon Black ที่ทำให้กระดาษ Moleskine ต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูปมาแล้ว เมื่อมาเจอกับกระดาษ Rhodia แล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร? ผมจึงพลิกกระดาษเพื่อดูหน้าหลังอย่างรวดเร็ว บัดซบ!! ไม่มีการซึมแม้แต่น้อย!! ไม่ว่าผมจะเขียนเร็วเขียนช้าก็ไม่มีซึมเลยครับ จะมีก็เพียงแต่เห็นว่ามีรอยปากกาเขียนอยู่เท่านั้นแต่ไม่มีหมึกซึมเล็ดลอดออกมาเลย ไม่ได้! ชั้นต้องจับผิดแกให้ได้!! พลิกกระดาษกลับมาเพื่อมาดูเส้นปากกาว่าเส้นมันแตกหรือไม่? ปรากฏว่าผมต้องร้องไห้ออกมาด้วยความจำนนครับ เส้นที่ได้นั้นคมชัดสวยงาม ไม่มีเส้นแตกให้เห็นแม้แต่เส้นเดียว โฮฮฮฮฮฮ!!
ผมอยากให้คุณนึงภาพถึงการ์ตูนเรื่องดราก้อนบอลฉากที่คุริรินถูกฆ่าตายแล้วโงกุนกลายเป็นซุปเปอร์ไซย่า…ตอนนี้ผมระเบิดพลังเหมือนโงกุนแล้วครับ กระดาษมันจะดีเว่อร์เกินหน้าเกินตาไปแล้ว! มันต้องโดนบททดสอบบทสุดท้ายนี่แหละที่แกไม่รอดแน่ๆ สีน้ำ! ผมไม่รอช้าจัดแจงสเก็ตช์รูปโดยใช้รูปถ่ายเป็นแบบ วาดเส้นได้อย่างลื่นไหลชัดเจนสวยงาม(เจ็บใจ!) ทิ้งไว้ 5 นาทีก็ใจร้อนลงสีน้ำต่อเลย ผมมันร้ายครับเลยทดสอบโดยการลงสีแบบโหดซึ่งกระดาษทั่วไปรับไม่ได้แน่ถ้าไม่ใช่กระดาษสีน้ำ นั่นก็คือ wet-on-wet หรือเรียกว่า เปียกบนเปียก ชโลมน้ำจาก waterbrush ลงในส่วนของท้องฟ้าให้พอชุ่ม จากนั้นลงสีฟ้าลงไปให้ดูฟุ้งๆ …กระดาษมันรับได้เว้ย!! ถึงแม้จะมีกระดาษงอย่นบ้างนิดหน่อยแต่ไม่เป็นปัญหาเลยครับ สีติดดีสวยสดน่าเจ็บใจเป็นที่สุด! จากนั้นผมก็ลงสีในส่วนที่เหลือจนเสร็จด้วยวิธีปรกติ ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ สีที่ได้เกาะแน่นดีกระดาษที่ผิวลื่นไม่มีผลอะไรกับสีน้ำเลย สีที่ได้ยังดูสดใสสวยงาม กระดาษ Rhodia สามารถใช้เป็นกระดาษสเก็ตช์ได้ดีทีเดียวครับ
อกพี่กลัดหนอง พี่หมองดั่งคลองแสนแสบ~ เป็นอันว่าผมพ่ายแพ้ด้วยหลักฐานครับ “กระดาษแบบธรรมดาของ Rhodia ดีกว่ากระดาษธรรมดาของ Moleskine ในทุกด้านครับ” ไม่ว่าจะใช้เขียนบันทึกทั่วไปหรือจะเอาไปใช้สเก็ตช์ภาพลงสีน้ำก็ตาม กระดาษ Rhodia ทำได้ดีกว่าในทุกข้อครับ สมแล้วที่เค้ายกให้เป็นกระดาษ fountain pen friendly แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ไอข้อที่ว่าจะมาเป็น Moleskine Killer นี่ผมยังไม่ยอมรับนะครับ เพราะว่าในส่วนของตัวสมุดเอง Moleskine ยังทำได้ดีกว่าไม่ว่าจะเป็นความหนาที่พอเหมาะไม่ป่องเกินไป ปกที่แน่นหนาผิวสัมผัสที่ดูดี มาตรฐานการผลิตที่ดีกว่า คลาสสิกอมตะและที่สำคัญมันเท่กว่า! ทั้งหมดนี้ก็ยังทำให้ Moleskine ยังเสมอกับ Rhodia อยู่ครับยังไม่แพ้ซะทีเดียว (สาวกพยายามแถสุดๆ แล้วนะ -*-)
ใครที่สนใจอยากใช้สมุดหน้าตาสวยงามมีสีให้เลือกเยอะ ราคาไม่แพงจนเกินไป คุณภาพกระดาษสูงเขียนได้ลื่นเขียนได้สนุก แถมยังใช้สเก็ตช์รูปลงสีน้ำได้เป็นอย่างดีอีกต่างหาก ผมแนะนำอย่างไม่กลัวเสียหน้าเลยครับกับสมุด Rhodia : Rhodiarama กระดาษเค้าคุณภาพสูงจริงๆครัง ผมรับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน