คุณเคยคาดหวังกับอะไรมากๆ ไหมครับ? คาดหวังว่าจะได้พบกับใครคนนั้นที่รักเราอย่างสุดหัวใจ คาดหวังว่าสิ่งเรากำลังทำอยู่นั้นประสบความสำเร็จจนใครหลายคนต่างชื่นชม ส่วนผมก็คาดหวังนะ แต่เรื่องที่ผมคาดหวังนั้นอาจจะเป็นเรื่องเล็กในสายตาของใครหลายๆ คนก็เป็นได้ ความคาดหวังของผมนั้นก็คือ คงจะมีปากกาหมึกซึมสักด้ามในโลกที่ให้เส้นที่เล็ก บาง คมชัดดั่งเส้นผมของเจ้าหญิงจากดินแดนซากุระ คาดหวังว่าปากกาด้ามนี้จะเขียนลื่นราวกับการเลื่อนกายไปบนเตียงเป่าลมที่ชุ่มไปด้วยน้ำมัน และคาดหวังว่าปากกาด้ามนี้จะสามารถแทนปากกาหมึกซึมที่ผมรักอย่างเช่นลามี่ได้…
ผมเดินเข้าร้านขายเครื่องเขียนร้านประจำเหมือนเช่นทุกๆ ครั้งเพื่อมองหาเครื่องเขียนแปลกๆ ใหม่ๆ มาลองใช้และนำเสนอให้คุณผู้อ่านได้อ่านกัน และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่โชคชะตาชีวิตของผมได้สบพบหน้ากับปากกาอีกครั้ง หลังจากที่ครั้งก่อนได้สบสายตากับปากกายิ้มได้ Pilot Kakuno ไปแล้วหนหนึ่ง มาวันนี้เหตุการณ์แบบนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับผมอีกครั้งครับ
Copic Drawing Pen : P01BK ฟังแค่ชื่อคุณก็คงร้องอ๋อได้ในในทันทีใช่ไหมครับว่ามันเป็นปากกาจากผู้ผลิตปากกามาร์คเกอร์ชื่อดังที่ไม่ว่าใครก็ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมืองที่ชื่อ Copic Marker เราคงไม่ต้องบอกว่าเจ้ามาร์คเกอร์ยี่ห้อนี้โด่งดังเพียงใด สำหรับดีไซน์เนอร์แล้วมันเปรียบได้ดั่งลมหายใจเลยทีเดียว (หมายถึงลมหายใจที่แผ่วเบาจากการอดข้าวอดน้ำเพื่อเอาเงินทั้งหมดไปซื้อมาร์คเกอร์) สำหรับศิลปินวาดภาพแล้วก็เปรียบได้กับจินตนาการณ์ที่สามารถเนรมิตได้ด้วยเพียงสะบัดมือ และในเมื่อบริษัทผู้ผลิตปากกามาร์คเกอร์อันดับหนึ่งของโลกจะหันมาทำปากกาหมึกซึมบ้าง มันก็ต้องสนใจแล้วควรค่าแก่การคาดหวังใช่ไหมครับ?
เงินเพียง 185 บาท เพื่อแลกกับปากกาหมึกซึมสำหรับสำหรับวาดภาพ Copic นี้ผมไม่ลังเลใจเลยที่จะจ่ายเงินจำนวนนี้ เพราะว่าสรรพคุณที่อวดอ้างไว้นั้นมากมายเกินจะบรรยาย ไม่ว่าจะเป็น nib ปากกาที่เส้นเล็กมากระดับ 0.1 มิลลิเมตร พลันคิดไปว่าถ้าหากได้นำมาใช้สเก็ตช์คงจะสามารถลงรายละเอียดที่เล็กมากๆ ได้สวยงามก็เป็นแน่ หรือจะเป็นน้ำหมึกของปากกาด้ามนี้ที่บอกไว้ว่าเป็นหมึกที่สามารถกันได้ทั้งน้ำรวมไปถึงกันเลอะจากสีปากกามาร์คเกอร์ Copic ได้อีกด้วย แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ปากกาด้ามนี้ยังสามารถซื้อหลอดหมึกมาเปลี่ยนได้เมื่อหมึกที่ใช้เกิดหมดลง ราคาของหลอดหมึกชนิดเติมนั้นมีราคา 115 บาท สำหรับ 2 หลอด ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ไม่ถูกไม่แพงหากว่ามันเป็นหมึกที่สามารถกันน้ำได้ ผมจ่ายเงินพร้อมรับของออกจากร้าน กอดปากกาด้ามนี้ไว้แน่นไม่ห่างกายพร้อมเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้นที่จะได้วาดภาพในคืนนี้
ยามดึกของคืนที่เฝ้ารอมาถึงในที่สุด ผมค่อยๆ แกะพลาสติกที่ห่อหุ่ม Copic Drawing Pen ไว้อย่างใจเย็นทั้งที่ภายในกายมันร้อนไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ป้ายราคา 185 บาทที่แปะไว้ค่อยๆ ฉีกอย่างช้าๆ
“ในอีกไม่กี่อึกใจเราก็จะได้กำเนิดใหม่ไปพร้อมกันกับเจ้าปากกาด้ามนี้แล้วสินะ” ผมพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ตรงส่วนท้ายของด้ามปากกาเป็นส่วนของหลอดหมึกที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ เป็นการออกแบบที่น่าสนใจทีเดียว เพียงแค่ดึงเอากระดาษชิ้นเล็กๆ ที่กั้นหลอดหมึกกับตัวด้ามปากกาออก และออกแรงกดหลอดหมึกเข้าไปเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ลิ้นกั้นหมึกภายในหลอดก็จะหมุนไปด้านข้างและปล่อยหมึกให้ไหลไปทั่วทุกอณูของปากกา ผมหมุนปากกาเพื่ออ่านรายละเอียดวิธีใช้บนนั้นว่ามีข้อควรปฏิบัติอย่างอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ก็ได้พบกับข้อที่ว่า ก่อนใช้งานต้องแน่ใจแล้วว่าได้ปล่อยให้หมึกไหลลงส่วนของ nib แล้วและอย่าทำการเขย่าหรือทำปากกาหล่นตกพื้นเพราะจะทำให้หมึกรั่วซึมออกมาได้ ได้ครับผมจะทำตามอย่างเคร่งครัด
ผมวางปากกาโดยให้ด้านที่เป็นส่วน nib ชี้ลงสู่พื้นเบื้องล่าง นำขวดน้ำดื่มมาคอยประคองไว้ให้ปากกาสามารถตั้งตรงอยู่ได้ ผมรอนานทีเดียวครับเพราะกว่าที่หมึกจะค่อยๆ ไหลจนเต็มแกนไส้ปากกาที่เป็นสีขาวจนเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งหมดก็ใช้เวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง และเมื่อแกนไส้ปากกากลายเป็นสีดำทั่วทั้งหมดแล้ว …ผมจึงลงมือเขียน
บัดซบที่สุด!!! ทำไมไอปากกาด้ามนี้มันถึงได้ห่วยขนาดนี้ฟระ?!!!
ผมตะโกนสาปแช่งเสียงดังด้วยภาษาที่มนุษย์คนใดก็ยากที่จะฟังออกได้ …และหากพระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินก็คงจะสาปผมให้ลงนรกโดยพลัน มันคือเรื่องจริงครับ!! ไอปากกา Copic Drawing Pen ด้ามนี้มันเขียนไม่ดีเอามากๆๆ เลย ผมพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะสามารถใช้เจ้าปากกานี้ได้อย่างถูกต้องแต่ไม่ว่าจะหมุนมือยังไง เปลี่ยนมือทำมุมองศาต่างๆ กันแค่ไหน สิ่งที่ผมได้กลับมีเพียงเส้นปากกาที่ติดบ้างไม่ติดบ้างบนกระดาษที่ขาดกระจุย ผมเพียรเขียนในทุกมุมทุกรูปแบบ ลองสะบัดปากกาดูเบาๆ เผื่อจะสามารถช่วยให้หมึกไหลออกมาเพิ่มมากขึ้นได้บ้างแต่ก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีอะไรดีขึ้นมาแม้แต่น้อย ผมลองใช้ปากกามาก็มากครับ ลองใช้ปากกาที่ nib เล็กมาก หรือจะเป็นพวก G-Pen ที่ว่ากัดกระดาษก็เคยใช้มาแล้ว มันก็ยังเขียนได้ดีกว่าเจ้า Copic Drawing Pen ด้ามนี้เยอะเลยครับ ผมพยายามทำใจให้สงบเพื่อระงับโทสะเอาไว้ แต่ในใจมันรุ่มร้อนพร้อมกับความคิดที่ว่า 185 บาทมันมากเกินไปกับไอปากกาด้ามนี้ ผมเอาปากกามาตั้งที่เดิมให้ปลายปากกาชี้ลงพื้นเผื่อว่าที่เขียนไม่ดีนั้นอาจเป็นเพราะหมึกยังไหลมาไม่เพียงพอ…ช่างเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ที่น่าสมเพชเสียจริง
…ผ่านไป 4 วัน ผมหยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้งโดยหวังว่ามันอาจจะเขียนได้ลื่นเสมือนเทพีแห่งปากกามาเสกให้มันคืนชีพ…
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย!
คุณผู้อ่านลองดูภาพและตัวหนังสือที่ผมขีดเขียนดูสิครับ เส้นมันขาดๆ หายๆ เป็นช่วงๆ เหมือนกับว่าหมึกมันไหลส่งมาที่ nib ไม่ทัน ผมลองส่องดูภายในด้ามปากกาก็จะเห็นว่าปากกาด้ามนี้ใช้ระบบไส้หมึกครับ ย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ ที่เราเล่นสีเมจิกตราม้า 12 สีได้ไหมครับ? (เด็กรุ่นนี้ไม่ทันแน่ๆ) ไอไส้หมึกข้องในทำจากใยสังเคราะห์เพื่อเอาไว้เก็บกักหมึกครับแต่ทีนี้สำหรับปากกาแบบหมึกซึม ผมไม่เห็นความจำเป็นอันใดเลยว่าจะต้องใช้ระบบไส้หมึกแบบนี้ เพราะว่าระบบไส้หมึกมันจะค่อยๆ ปล่อยให้หมึกไหลผ่านใยสังเคราะห์ลงมาช้าๆ เพื่อป้องกันการส่งหมึกในปริมาณที่มากจนเกินไป ซึ่งถ้าเป็นปากกาแบบหัวสักหลาดก็พอเข้าใจได้ครับแต่ระบบนี้ไม่เหมาะกับปากกาหมึกซึมที่ต้องเน้นส่งหมึกได้ไวด้วยประการทั้งปวง นอกจากนั้นด้วยขนาดของ nib ที่เล็กแต่ไม่ได้คุณภาพเลยส่งผลให้กระดาษที่เขียนขาดเป็นรอยอีกด้วย ผมไม่เข้าใจจริงๆ เลยครับว่าทำไมปากกาด้ามนี้ถึงสามารถหลุดออกมาจากโรงงานได้ แผนก QC โดนเสกให้เป็นหินกันหมดแล้วหรือ?
ดังนั้นการที่จะทำให้ปากกาด้ามนี้เขียนออกมาได้เส้นที่มีหมึกสม่ำเสมอ คุณจะต้องจับปากกาให้ถูกด้านเป๊ะๆ ออกแรงกดมากกว่าปรกติเพื่อให้ปลาย nib มีการคลายตัว และที่สำคัญคือต้องเขียน ช้าาาาาาาาาช้าาาาาาาา คือต้องเขียนให้ช้ามากๆ ครับเพื่อแก้ปัญหาหมึกไหลส่งมาไม่ทันนั่นเอง โอยยยยุ่งยากเกินไปนะกับการใช้ปากกาสักด้ามนึง
เอาน่าๆ ถึงปากกามันจะห่วยแตกเพียงใดก็ตามแต่อย่าลืมว่าปากกานี่ยังมีจุดเด่นอีกจุดที่น่าสนใจนั่นก็คือ หมึกปากกาที่สามารถกันน้ำกันโคปิกได้ ผมต้องขออภัยที่ไม่ได้ลองใช้กับ Copic ครับเพราะไม่ได้พกติดตัวมาบางกอกด้วย แต่ในเมื่อจะนำมาใช้ในการสเก็ตช์ มันก็ต้องกันสีน้ำได้สีถึงถือว่ากันน้ำได้จริงๆ เช่นเคยครับผมลองเขียนและเอากระดาษนั้นจุ่มลงไปในน้ำ ผลที่ออกมาออกจะผิดคาดเสียเล็กน้อย คุณผู้อ่านลองเพ่งสมาธิจ้องดูรูปที่เป็นกระดาษจมอยู่ในน้ำสิครับ ในส่วนของตัวหนังสือจะเห็นว่ามีหมึกไหลออกมาเป็นเส้นลอยอยู่บนน้ำครับ กลายเป็นว่าหมึกปากกา Copic ที่อวดอ้างนั้นไม่สามารถกันน้ำได้ 100% ผมทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วจึงนำกระดาษขึ้นจากน้ำแล้วผึ่งลมให้แห้ง ถึงแม้จะกันน้ำได้ไม่เต็มร้อยแต่เส้นที่เขียนไว้บนกระดาษก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนครับซึ่งถ้าไม่สังเกตก็จะไม่เห็นว่าหมึกซีดจางลงเลยครับ (แต่มันจางลงนิดนึงนะ)
ต่อจากนั้นกต้องมีการทดสอบใช้กับการสเก็ตช์ภาพและลงสีด้วยสีน้ำครับ เชื่อมั้ยครับว่าผมต้องใช้ความพยายามระดับ 8,734 แรงม้า ในการฉุดกระชากลากถูกเจ้าปากกาด้ามนี้ลงบนสมุดสเก็ตช์ให้เกิดเป็นภาพเพื่อที่จะลงสีน้ำ และผลที่ออกมาก็ถือว่าผ่านครับ ผมไม่สังเกตเห็นหมึกไหลปนออกมากับสีน้ำให้เลอะเทอะภาพเลยครับแต่ถึงกระนั้น…ในเมื่อปากกามันเขียนไม่ได้เรื่องและเส้นไม่ค่อยออก การที่หมึกมันสามารถกันน้ำได้จะไปมีประโยชน์อะไร
ผมเคยทดสอบปากกาหมึกซึมมาให้ชมกันหลายด้ามแล้วคงจะจำกันได้ ส่วนใหญ่ก็เขียนได้ไม่ดีดังคาดและปากกา Copic Drawing Pen ด้ามนี้ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนี้ครับ แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าปากกาด้ามนี้แย่กว่าปากกาด้ามไหนๆ นั้นก็คือการที่มันเป็นจุดด่างพร้อยของยี่ห้อ Copic ครับ ผมไม่คาดคิดเลยว่า Copic แบรนด์ระดับโลกของเหล่าศิลปินและดีไซน์เนอร์จะปล่อยให้ปากกาด้ามนี้ออกมาขายได้ สินค้าอื่นๆ ของ Copic นั้นล้วนดีงามไปเสียทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นปากกาหัวสักหลาด Copic Multi Liner มาร์คเกอร์หรือแม้กระทั่งกระดาษ แต่เจ้า Copic Drawing Pen ด้ามนี้กลับเทียบชั้นไม่ได้แม้แต่น้อยเลยครับ ความคาดหวังที่จะมีปากกาหมึกซึมเส้นเล็กๆ เขียนดีๆ สักด้ามกลับถูกทำลายอย่างไม่มีชิ้นดี ปากกาด้ามนี้ถือเป็นปากกาที่น่าผิดหวังที่สุดของปีนี้ครับ ไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่งครับ
ปล. เก็บเอาเงินไปซื้อ Platinum Preppy เหอะ ได้ตั้ง 2 ด้าม ควรค่าแก่การกราบไหว้ยิ่งนัก