ผมคิดไว้ว่ายังไงๆ ปีนี้ก็คงจะไม่ได้เสียเงินกับปากกาลามี่ด้ามไหนๆ อีกแล้ว ไม่ว่าจะจากโปรลดราคาถล่มทลายช่วงบอลโลก หรือว่าจะเป็นลิมิเต็ดด้ามอื่นๆ ของปีนี้ก็สอยครบแล้วกันจนกระเป๋าฉีก แต่ก็ไม่วายที่จะมีเหตุให้ต้องเสียเงินอีกจนได้ แถมเป็นการเสียเงินแบบเหนือความคาดอีกด้วยนะ!
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นคุณผู้อ่านท่านนึงเธอชื่อว่าคุณ…เอ่อ…คือเธอไม่ประสงค์จะออกนามครับ คือคุณแนนเธอได้มีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวที่ฮ่องกงครับ (เอ๊ะ! ตะกี้เหมือนจะเผลออะไรไปสักอย่าง..ช่างเหอะ) แล้วก็ระหว่างที่ออกจากที่พักเพื่อจะไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ นั้นเธอได้ไปพบกับร้านเครื่องเขียนจ้าวใหญ่ของเกาะฮ่องกงเข้าโดยบังเอิญ ร้านนี้มีชื่อว่า “Chun Kee Stationary Co. Ltd.” แน่นอนว่าคุณผู้อ่านของเว็บ bbblogr.com ทุกท่านย่อมไม่พลาดที่จะเข้าไปสูดอากาศในร้านเครื่องเขียนใช่ไหมครับ เธอจึงได้เดินเล่นหาเครื่องเขียนน่าสนใจในร้านเครื่องเขียนแห่งนี้
แต่แล้วคุณแนนเธอก็ได้พบเข้ากับตู้ปากกาสุดรักสุดหวงแหนที่บรรดาเราต่างหลงหัวปักหัวปำนั่นก็คือปากกาลามี่ครับ แต่แน่นอนล่ะว่าร้านเครื่องเขียนไหนเล่าจะไม่มีปากกาลามี่ขาย แต่ที่ทำให้ช๊อคสุดๆ นั่นก็คือ! คือ!! ที่ตู้นั้นดันมีปากกาลามี่ Limited Edition ของปีก่อนๆ ซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ในบ้านเราวางขายอยู่ด้วย!! นั่นก็คือลามี่สีส้ม Lamy Safari Orange 2011 และลามี่สีเขียวมะนาว Lamy Safari Lime 2011 ครับ!!
ด้วยความตื่นเต้นเธอจึงไม่รอช้า รีบคว้าปากกาออกจากตู้และรัวชัตเตอร์ถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือของเธออย่างไม่อาจควบคุมสติได้ จากนั้นก็กดแชร์รูปถ่ายเหล่านี้ขึ้นบนเพจเฟสบุคที่มียอดผู้เข้าใช้เยอะที่สุดในประวัติกาลอย่าง BBBlog ทันทีครับ แต่ก็แค่วางขายปากกาลามี่มันก็คงจะธรรมดาๆ ไม่มีอะไรพิเศษใช่ไหมครับ? แต่ราคาปากกาที่คุณแนนแจ้งมานั้นมันทำให้ผมร้องกรี๊ดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราคาต่อด้ามนั้นมีราคาอยู่ที่ 320 HKD หรือก็คือประมาณ 1,325.69 บาท!! กรี๊ดสิกรี๊ด! ซึ่งถ้าคุณผู้อ่านเป็นคนที่เสพติดการท่อง ebay และเช็คราคาปากกาลามี่อยู่เสมอจะทราบกันดีว่า Orange 2011 และ Lime 2011 นั้นจะมีราคาวางขายกันอยู่ที่ประมาณด้ามละ 2 พันจนไปถึง 3 พันบาทเลยครับ! ผมจึงรบกวนคุณแนนฝากซื้อทั้งสองด้ามทันทีครับ!! (ครั้งนี้ฝากซื้อปากกา แต่ครั้งหน้าขอฝากรักนะครับ …แกไปหลีน้องเค้าทำไมฟระ?!)
*แทรกนิดนึง : ส่งพัสดุกับไปรษณีย์ไทย
เนื่องจากการได้มาของลามี่ทั้งสองด้ามนี้เป็นการฝากซื้อซึ่งไม่มีค่าส่งจากต่างประเทศ แต่คุณแนนก็ได้ทำการส่งพัสดุให้ผมผ่านทางไปรษณีย์ไทยครับ…ซึ่งคุณก็รู้ใช่ไหมครับว่าเมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวเสียๆ หายๆ ของไปรษณีย์ไทยเยอะมาก!! ซึ่งแน่นอนว่าผมก็เคยเจอเข้ากับตัวเองเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นการเอาพัสดุมาวางไว้ที่รั้วบ้านโดยที่ผมยังไม่ได้เซ็นรับ หรือจะเป็นพัสดุหายไปอย่างไร้ร่องรอยทั้งที่ผมมี tracking no. แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย (ด้าม Lamy Alpine 1980 W. Germany หายแหละ หายไปดื้อๆ หลังจากพัสดุเข้ามาถึงที่ศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่แล้วด้วย) หรือจะคุณผู้อ่านท่านนึง (ขอปกปิดชื่อเพื่อความปลอดภัย) ที่สั่ง Moleskine มาหลายเล่มแต่ถูกคุ้ยกล่องพัสดุเสียกระจุยยิ่งกว่าโดนหมารุมทึ้งซึ่งสุดท้ายเหลือรอดมาถึงมือแค่เพียงเล่มเดียว ดังนั้นการส่งพัสดุกับไปรษณีย์ไทยจึงต้อง “ระมัดระวังให้มาก!” ผมจึงรบกวนคุณแนนเพิ่มเติมตรงที่ว่าช่วยห่อปากกาด้วยกระดาษแข็งสักแผ่นนะครับเพราะกลัวพ่อเทพบุตรบุรุษไปรษณีย์นั่งทับ หรือพับซอง หรือเขวี้ยงเข้าบ้าน หรือตรวจสอบของแต่ตั้งใจลืมใส่ห่อคืน…
และนี่คือฝีมือการห่อของที่ผมประทับใจมากของคุณแนนครับ แข็งแรงทนทาน และมิดชิดสุดๆๆ ผมแกะทีแรกยังมีน้ำตาซึมเลยครับว่าอาจจะไม่สามารถแกะปากกาออกมาได้ ผมเดาว่าตอนคุณแนนเดินทางไปซื้อลามี่สองด้ามนี้เธอคงจะใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที แต่กับการห่อพัสดุครั้งนี้เธอน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงแน่ๆ ครับ กร๊าาาากกก
ห่อพัสดุมีค่าเช่นปากกาหรือขวดหมึกต้องห่อให้มิดชิดและแข็งแรงแน่นหนากันกระแทก (หรือขว้างกระแทกประตูบ้าน) อย่ากลัวเปลืองกระดาษหรือแผ่นกันกระแทกนะครับ และตัวอย่างนี้ถือว่าดีมากและประทับใจมาก ขอบคุณคุณแนนมากครับที่เข้าใจหัวอกคนรักปากกาอย่างลึกซึ้งครับ!
ทีนี้คุณผู้อ่านหลายท่านคงจะสงสัยว่าก็ไอลามี่สีส้มกับสีเขียวมะนาวนี่ ผมเคยนำมาอวด ผมเคยนำมาให้ชมไปแล้วนี่ แล้วทำไมผมถึงยังซื้อซ้ำซื้อซากแล้วเอามาเขียนบล็อกตอนนี้ให้อ่านอีกล่ะ? จริงอยู่ที่ผมเคยมีลามี่ทั้งสีเขียวมะนาวและสีส้มแล้วแต่นั้นมันเป็น Limited คนละปีกันครับ! สีเขียวมะนาวที่ผมมีนั้นเป็น Lime ของปี 2008 ส่วนสีส้มอีกด้ามนั้นเป็น Orange ของปี 2009 ดังนั้นลามี่ทั้งสองด้ามที่เอามาให้ชมในวันนั้นจึงเป็นสีรุ่นพิเศษของคนละปีกันครับ…ว่าแต่ว่ามันต่างกันยังไงล่ะ?
Lamy Safari Lime 2011 Limited Edition ลามี่สีเขียวอ่อนหรือที่เรียกกันว่าสีเขียวมะนาว สิ่งที่แตกต่างจากเขียวมะนาวของปี 2008 นั่นก็หนีไม่พ้นเรื่องของจุกบนปลอกปากกาครับ จากของเดิมที่เป็นจุกกากบาทที่มีสีดำได้ถูกเปลี่ยนมาเป็น “จุกกากบาทสีเขียว” สีเดียวกับตัวด้ามปากกาแทนครับ นอกจากนั้นในส่วนอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างนะ คลิปยังคงเป็นสีเงินเช่นเดิมครับ
Lamy Safari Orange 2011 Limited Edition ลามี่สีส้มชวนเข็ดฟันด้ามนี้ก็แต่ต่างจากสีส้มของปีก่อนปี 2009 ในส่วนของจุกเช่นกันครับ จากเดิมที่เป็นจุกกลมสีส้มก็เปลี่ยนมาเป็น “จุกกากบาทสีส้ม” แทนครับและเช่นเดียวกันในส่วนอื่นๆ ไม่มีอะไรแตกต่างนะ
ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าลามี่ทั้งสีเขียวมะนาวและสีส้มที่มีการผลิตออกมาในปี 2011 นั้นจะมีจุดสังเกตให้จำได้ง่ายนั้นก็คือ “เป็นจุกกากบาทสีเดียวกับตัวด้าม” ดังนั้นหากจะซื้อจะหาก็ลองสังเกตกันให้ดีๆ ก่อนนะครับ เพราะราคาค่าตัวของลามี่ของปี 2011 นั้นจะแตกต่างจากของรุ่นแรกอยู่พอสมควรครับ ระวังโดนย้อมแมวหรือหลอกเอามาขายแพงเกินจริงด้วยนะจ๊ะ
เป็นอย่างไรบ้างครับกับลามี่สีพิเศษแสบสวยทั้งสองด้ามนี้ ทีแรกนั้นผมมีความคิดที่ว่าจะเก็บแค่เพียงสีละรุ่นก็พอ โดยปีหลังๆ จะไม่เก็บอีกแล้ว แต่ก็เหมือนกับโชคชะตาได้กำหนดไว้ว่าแกจะต้องเป็นยาจกเพราะปากกาทุกชาติไป…ผมจึงได้มีโอกาสได้ครอบครองในที่สุด ใครที่กำลังเล็งลามี่สีแสบๆ แต่ว่าปีเก่าๆ ก็หายากและมีราคาแพงเกินไป ลองหาลามี่ลิมิเต็ดของปี 2011 มาครอบครองกันได้นะครับ หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวฮ่องกงหรือฝากเพื่อนซื้อได้ก็จะเป็นดีที่สุดเพราะจะได้ในราคาที่คุ้มค่าสบายกระเป๋า แถมสวยงามมากจนหลายๆ คนต้องหันมามอง เห็นด้วยมั้ยครับ?
ปล. ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ “คุณแนน” (ไม่ประสงค์ออกนาม) ด้วยนะครับที่ช่วยทำให้ความฝันเป็นจริง และด้วยความฝันอันนี้นี่เองที่ทำให้ผมช๊อตตั้งแต่กลางเดือนครับ โฮฮฮฮฮฮฮฮ!!!