หลังจากที่คราวก่อนนู้นผมเคยได้รีวิว Lamy Joy ปากกาหัวตัดหรือที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกันดีว่ามันเป็นปากกาสำหรับเขียนตัวอักษรประดิษฐ์ ถึงแม้ว่าขนาดของ nib จะไม่ใหญ่มากนักแค่ 1.5mm แต่ก็สามารถทำให้ได้เส้นที่มีขนาดแตกต่างกันได้แล้วสำหรับการเขียน แต่ทีนี้ก็มีคุณผู้อ่านหลายท่านส่งโทรเลขดิจิตัลเข้ามาตลอดๆ ว่า “อยากได้ปากกาสำหรับเขียนอักษรประดิษฐ์ที่ให้เส้นใหญ่กว่าลามี่จอย แต่ต้องใช้งานได้ง่ายๆ เหมือนปากกาหมึกซึมด้วยนะ” ไอข้อแรกยังพอหาได้ แต่จะให้เป็นปากกาอักษรประดิษฐ์ที่ใช้ง่ายเติมหมึกง่ายเหมือนปากกาหมึกซึมนี่ก็คิดหนักเลยครับ

…เลยเลิกคิดแล้วไปรีวิวอย่างอื่นดีกว่า

บ้าน่า! ในเมื่อแฟนๆ ผู้อ่านอยากฝึกฝนศาสตร์การเขียนอักษรประดิษฐ์เสียขนาดนั้น ผมก็ต้องหาปากกาที่ใช้ง่ายๆ หยิบง่ายๆ จะได้สามารถหยิบขึ้นมาเขียนได้สะดวกมารีวิวให้อ่านกันสิ แต่ครั้นจะให้ผมไปเอาปากกาอักษรประดิษฐ์แบบเดิมๆ ที่เป็นปากกาปากแบน จะใช้ทีก็ต้องจุ่มหมึกแล้วมาเขียนก็ดูจะยุ่งยากไปหน่อย หรือจะให้ผมไปเอาปากกาเมจิกปากแบน(หัวสักหลาด) มารีวิวก็ผิดคอนเซ็ปต์อีกนั่นแหละ แต่ก็เหมือนฟ้าจะเป็นใจให้เราเสียทรัพย์ ในที่สุดผมก็ได้มันมาครอบครองแล้วครับ!

Pilot Parallel Pen ที่แหละครับคือปากกาสำหรับเขียนอักษรประดิษฐ์ (Calligraphy pen) ผลงานอันยอดเยี่ยมจากค่ายผู้ผลิตปากกาชื่อดังระดับโลก Pilot หลังจากที่เราได้อ่านรีวิวหมึกและปากกาอื่นๆ จากยี่ห้อนี้มาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ผมเห็นปากกายิ้มได้!! Pilot Kakuno หรือหมึกสีน้ำตาลหางม้าโคตรสวยอย่าง Pilot Iroshizuku ซึ่งทั้งสองตัวก็ได้รับความนิยมจากผู้อ่านมากทีเดียวครับ

ปากกา Pilot Parallel Pen ถูกสร้างขึ้นมาด้วยแนวคิดที่ว่าจะต้องเป็นปากกาที่คงคุณสมบัติของปากกาหัวตัวสำหรับเขียนอักษรประดิษฐ์ แต่ก็ต้องใช้งานได้สะดวกหยิบใช้ง่ายไม่ต้องคอบจุ่มหมึกให้รุงรัง ซึ่งก็ตรงตามสไตล์นักเลงปากกาหมึกซึมอย่างพวกเราครับ โดยปากกาด้ามนี้ผมซื้อมาจากร้านสยามมาร์เก็ตติ้งบนห้างเซ็นทรัลเวิร์ลมาในราคาด้ามละ 525 บาทครับ

พอกลับถึงบ้านผมก็มานั่งคิดว่าจริงๆ แล้วราคาเจ้าปากกาด้ามนี้ควรจะเท่าไหร่กันแน่เพราะยังไม่เคยเช็คราคาจากที่อื่นเลย(แต่ซื้อมาแล้วซะงั้น) ผมเลยตามหาแหล่งที่ซื้อขายที่ได้ราคาถูกที่สุดซึ่งก็ไปพบที่เว็บ eBay โดยราคาที่ต่ำที่สุดจะอยู่ที่ $11.99 หรือประมาณ 393.27 บาท และมีค่าส่งอยู่ที่ $2.00 ประมาณ 65.60 บาท รวมทั้งสิ้น 458.87 บาทครับ ถูกกว่ากันไป 66.13 บาทแต่ต้องรอสินค้าส่งมาจาก Hong Kong ประมาณ 7 – 14 วันครับ ซึ่งใครสามารถรอได้ก็สั่งบน eBay นะได้ถูกกว่า แต่ถ้าอยากเห็นปากกาด้ามจริงและซื้อได้เลยก็เชิญที่ร้านสยามมาร์เก็ตติ้งเลยจร้า

ดังนั้นแนวทางการซื้อประการดังนี้จึงแบ่งออกเป็น 2 ทางคือ
1. ถ้าอยากได้ถูกหรือต้องการซื้อจำนวนหลายด้ามก็ให้ไปซื้อที่ eBay จะประหยัดเงินได้มากโขแต่รอนานนิดนึง
2. แต่ถ้าต้องการได้สินค้าเร็วๆ อยากเห็นของจริงก่อนและอยากเลือกดูว่าหัวปากกาขนาดไหนนะถึงเหมาะสมกับที่เราใช้ ก็ไปซื้อที่สยามมาร์เก็ตติ้งเถิด

ร้านสยามมาร์เก็ตติ้งไม่ได้เป็นสปอนส์เซอร์ของเว็บบีบีนะ แจ้งไว้ก่อนเดียวจะหาว่าผมมาเชียร์แขก …แต่ต่อไปในอนาคตหากคุณพี่เจ้าของร้านอยากสนับสนุนเว็บก็แจ้งได้เลยนะครับ ผมจะซ้อนพี่วินไปหาโดยเร็วครับ #ก็เนียนขอของกันไป -.,-

แกะกล่องปากกาออกมาจะพบกับของที่สอดไส้มาให้ ซึ่งใน 1 กล่องจะประกอบด้วย
– ปากกา 1 ด้าม
– หมึกปากกาแบบ refill 2 หลอด สีดำกับสีแดง
– หลอดสูบหมึก ink converter 1 หลอด
– แผ่นทำความสะอาด nib ปากกา 1 แผ่น
– คู่มือ 1 แผ่น

หยิบปากกามาลูบคลำก็จะพบหน้าตาปากกาที่งงๆ แปลกๆ ครับ ปากกาด้ามนี้เป็นปากกาที่ปลายด้ามเรียวแหลมเช่นเดียวกันกับปากกาประเภทหัวตัดทั่วๆ ไป และในส่วนของปลอกปากกาสีสดนั้นก็เป็นฝาแบบหมุนเกลียวครับซึ่งต้องหมุนเพื่อเปิดฝาออก ที่ปลอกปากกาจะมีส่วนแบนๆ ยื่นๆ ออกมาเพื่อให้สามารถใช้มือจับบิดได้ง่ายครับ แต่ไม่มีคลิปสำหรับเหน็บกระเป๋านะ เศร้า

เปิดปลอกเพื่อดูหัวปากกา แว่บแรกที่สายตาผมได้สัมผัสกับ nib ปากกานั้นผมงงครับ นี่มันไม่ใช่ปากกาหมึกซึมทั่วไปจริงๆ ด้วย nib ของ Pilot Parallel นั้นจะเป็นในลักษณะของแผ่นโลหะยาวสองแผ่นวางคู่ขนานกัน โดยในส่วนปลายนั้นจะประกบเข้าหากันครับ และเมื่อลองส่องเข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะเห็นว่าในส่วนของปลาย nib นั้นจะมีรอยบากเล็กๆ ไว้ด้วยซึ่งรอบบากนี้จะสลับฟันปลากันบนแผ่นโลหะทั้งสองแผ่นครับ ทั่งนี้ก็เพื่อให้หมึกสามารถไหลสม่ำเสมอได้ตลอดตามแนวความยาวของ nib ปากกาครับ

ขนาดของหัวปากกาของปากกา Pilot Parallel มีด้วยกัน 4 ขนาดและแต่ละขนาดก็จะมีสีของปลอกปากกาที่แตกต่างกันไปดังนี้
– 1.5mm แดง
– 2.4mm เหลือง
– 3.8mm เขียว (ด้ามนี้)
– 6.0mm น้ำเงิน

ยังไม่ทันเขียนก็แกะซะแล้ว! ผมเห็นหัวปากกาแล้วมือมันสั่นด้วยความอยากรู้อยากเห็นครับ ผมเลยทำการดึงส่วนหัวของปากกาออกจากส่วนด้ามเพื่อดู ink feed ซึ่งจากการแยกส่วนหัวปากกาในครั้งนี้ทำให้เห็นถึงการออกแบบ ink feed ว่าเค้าได้ให้ความสำคัญกับการไหลและปริมาณหมึกครับ นั่นก็คือในส่วนของ “รางส่งหมึก” ที่เป็นร่องสำหรับลำเลียนน้ำหมึกจากหลอดส่งไปยัง nib นั้นจะเป็นช่องที่กว้างและค่อนข้างลึกกว่าปากกาหมึกซึมทั่วไป ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าในปากกาสำหรับเขียนอักษรประดิษฐ์หรือ calligraphy pen นั้นจำเป็นจะต้องใช้น้ำหมึกในปริมาณที่มากกว่าปรกติและหมึกต้องไหลให้เร็วด้วย เพราะเส้นปากกาที่กว้างทำให้ต้องใช้หมึกเยอะขึ้นและต้องเขียนได้ไม่ขาดตอนเพื่อให้เส้นสม่ำเสมอตลอดการเขียนนั่นเอง

หมึกที่ให้มานั้นมีด้วยกัน 2 สีครับคือสีดำและสีแดง แล้วก็มีหลอดสูบหมึก ink converter มาให้ด้วย ผมดูแล้วไอตัวหลอดสูบหมึกนั้นจะเป็นหลอดสูบรุ่น CON–20 ซึ่งเป็นแบบบีบครับ ดังนั้นจึงสามารถใช้ร่วมกันกับปากกายิ้มได้ Pilot Kakuno (ผมดองหลอดสูบหมึกของปากกา Pilot ไว้อ่ะ เอาไว้วันหลังๆๆๆๆ จะมาเขียนให้อ่านกันนะ -..-)

ส่วนไอแผ่นทำความสะอาด nib ปากกานั้น จะพูดง่ายๆ มันก็คือแค่แผ่นพลาสติกบางๆ นั่นแหละครับ ซึ่งปากกาแบบนี้ถ้าเขียนไปสักพักอาจจะมีเยื่อกระดาษหลุดติดตันระหว่างแผ่น nib ทั้งสองแผ่นได้ทำให้เขียนไม่ค่อยออกและเส้นขาดๆ ครับ ดังนั้นเค้าจึงให้เจ้าแผ่นพลาสติกทำความสะอาดนี้มาสอดระหว่าง nib แล้วเขี่ยเอาเยื่อกระดาษออกนั่นเองครับ

ผมเอาหลอดหมึกเสียบตัวปากกาแล้วก็ไม่รอช้าที่ที่จะได้เขียน ผมลองเขียนตัวอักษร(ที่ผมเข้าใจไปเองว่าเป็นตัวอักษรประดิษฐ์) ซึ่งการที่จะเขียนให้เส้นออกมาสวยๆ นั้นจะต้องเปลี่ยนวิธีการจรดปากกานิดนึงครับเพราะว่าปากกาหัวตัดแบบนี้เราจะต้องถือปากกาทำมุมที่ถูกต้องเพื่อให้สัมผัสกับกระดาษได้ตามแนวของ nib ดังนั้นผมจึงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อทำความคุ้นเคยกับน้องเค้า ไอบ้า! กับเจ้าปากกาด้ามนี้ต่างหาก!

นอกจาก Pilot Parallel Pen จะสามารถเขียนเส้นแบบแบนได้แล้ว เรายังสามารถหมุนปากกาไปอีกด้านเพื่อได้เส้นแบบเล็กได้ด้วย ซึ่งก็คือการเขียนด้วย “ด้านข้างของ nib” ซึ่งก็สะดวกดีในบางกรณีที่ต้องการเขียนเส้นเล็กๆ ตกแต่งตัวอักษรครับ และจากการทดสอบเขียนจนคล่องมือ ผมต้องขอสรุปเกี่ยวกับเจ้าปากกาด้ามนี้สั้นๆ ว่า “ปากกาเทพมาก” คือถ้าหากเราคุ้นเคยกับปากกาด้ามนี้แล้วเราจะสามารถเขียนตัวอักษรได้ลื่นมือมากครับ เส้นที่ได้ก็สม่ำเสมอแถมหมึกก็ไหลได้ดี เส้นเท่ากันทุกเส้นตามแนวยาวของปลาย nib เลย ถือเป็นปากกาสำหรับเขียนอักษรประดิษฐ์ที่ทำออกมาได้ดีคุ้มค่ากับราคาจริงๆ (เทียบราคา 10$ นะ)

ข้อสังเกต

เนื่องจากมันเป็นปากกาสำหรับเขียนอักษรประดิษฐ์ ดังนั้นปากกาด้ามนี้จึงเปลืองหมึกมาก เชื่อไหมครับว่าผมลองเขียนเล่นๆ เรียกได้ว่าหมึกที่แถมมาให้ 2 หลอดไม่เพียงพอต่อการใช้ ผมจึงต้องไปเอามือสีดำขวดอื่นมาเติมเพิ่ม ไม่อย่างนั้นเขียนแล้วหมึกหมดอารมณ์ขาดตอนมากครับ แนะนำก็คือตอนที่ซื้อปากกาด้ามนี้ ก็ให้ซื้อหมึกหลอดเพิ่มด้วยเป็นพิเศษ หรือใครที่มีหมึกแบบเป็นขวดอยู่แล้ว ก็ไปนำมาวางไว้ข้างๆตัว ผมเชื่อแน่ว่าคุณจะต้องเติมอีกหลายครั้งแน่ๆ ครับ

…เตรียมสมุดมาด้วยก็ดีนะของผมหมดไปตั้งหลายหน้าแหน่

One more thing

ทำเป็นใช้คำเท่ๆ แบบ Apple แต่ว่ามันก็น่าสนใจจริงๆ นะ! นั่นก็คือว่าปากกาด้ามนี้มีคุณสมบัติเท่ๆ อีกอย่างนึงก็คือ “สามารถเอาปากกามา syncronize กันได้” …ผมงี้มั่วไปเลย ถ้าเอาแบบไม่มั่วก็คือว่า “เราสามารถนำหัวปากกา Pilot Parallel มาจิ้มกันเพื่อแลกเปลี่ยนหมึกกันได้” (อ่านแล้วเหมือนการแลกเปลี่ยนสสารระหว่างสายพันธุ์เลยวุ้ย…) ซึ่งการทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการผสมหมึกแบบ “ชั่วคราว” ให้ปากกาอีกด้ามครับ ยกตัวอย่างเช่นเราเอาปากกาสีแดงไปจิ้มกับปากกาสีน้ำเงิน แล้วเอาปากกาไปเขียน เส้นที่ออกมาก็จะเป็นเส้นสีแดงไล่ไปเป็นม่วงแล้วก็เป็นสีน้ำเงินครับ ทำให้อักษรประดิษฐ์ของเรามีสีสันที่หลากหลายสวยงามมากยิ่งขึ้นครับ …ผมซื้อมาแค่ด้ามเดียวอ่ะ อดเล่นให้ดูเลย ;_;)/

ผมไม่เคยคิดเลยครับว่าผมจะสามารถใช้เวลากับการฝึกฝนเขียนอักษรประดิษฐ์ได้นานขนาดนี้ผมนั่งเขียนตัวอักษรประดิษฐ์ถ้าจำไม่ผิดน่าจะตั้งแต่ 3 ทุ่มจนถึงตอนนี้เลยเที่ยงคืนไปแล้วผมยังสนุกกับการฝึกฝนอยู่เลยครับ นั่นก็เป็นเพราะว่าปากกาด้ามนี่มันใช้ง่ายมากไม่ต้องคอยจุ่มหมึกบ่อยๆ เหมือนปากกาอักษรประดิษฐ์สมัยก่อน อยากเขียนอะไรก็เขียนไป หมึกหมดก็เติมง่ายๆ เหมือนกับปากกาหมึกซึมทั่วไปก็จบเรื่องแล้ว นอกจากนั้นปากกาแบบนี้ออกแบบมาได้ดีมาก หัวปากกาทำหน้าที่ของมันได้ยอดเยี่ยม อาจจะมีบ้างในตอนแรกที่รู้สึกเขียนไม่ได้ดังใจแต่ถ้าคุณลองเขียนไปซักพักและเริ่มชินเริ่มถนัดกับการจับปากกาและถูกองศาว่าจะหมุนหัวปากกายังไง คุณจะเขียนเพลินได้เส้นเลื่อนไหลจนหยุดไม่อยู่เลยนะครับ

ใครที่กำลังมองหาปากกาสำหรับเขียนอักษรประดิษฐ์หรือปากกาหัวตัดที่ราคาไม่แพง เป็นนักออกแบบตัวอักษรหรือผู้ที่สนใจในการเขียนอักษรประดิษฐ์ ผมแนะนำว่าปากกา Pilot Parallel Pen เป็นปากกาที่เหมาะสมคู่ควรกับคุณด้วยประการทั้งปวงครับ

ปล. สอบถามเพิ่มครับ มีใครสนใจการเขียนอักษรประดิษฐ์อย่างจริงจังบ้าง เผื่อคราวหน้ามีอะไรเด็ดๆ แนวๆ นี้ผมจะได้เอามารีวิวให้ชมกันครับ

ปล.2 สำหรับใครที่อยากรู้ว่าร้านสยามมาร์เก็ตติ้งที่อยู่ในห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้นไปยังไง ผมตอบไม่ได้จริงๆ ครับเพราะผมไม่เคยไปถูกเลยหลงตลอด! รู้แต่ว่าคุณจะต้องหาร้านไนกี้ให้เจอก่อน แล้วก็เดินมั่วๆ แถวๆ นั้น จากนั้นคุณจะเจอร้าน Adidas Original หันหน้าไปทางขวา ก็จะเจอกับร้านสยามมาร์เก็ตติ้งครับ เจ๋งมะ

ปล.3 เนื่องจากฝีมือผมกากมาก ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้ไปดูคลิปนี้ครับ เค้าใช้ Pilot Parallel Pen ได้เซียนมากๆ ทำเอาผมอายขุดรูลงดินไปเลย