ก่อนอื่นเลยผมอยากกราบเชิญให้ไปอ่านบล็อกตอนนี้ก่อนครับเพราะถือว่าเป็นภาคต้นนะ Lamy Safari Yellow Black Clip กระบี่เหลืองสุริยัน! อ่านจบแล้วค่อยกลับมาอ่านตอนนี้นะ เรื่องราวมันจะได้ต่อกันนั่นเอง
…
“ไม่นะท่านพ่องงงงงง!!!! ท่านพ่องงงงงงง!!!” เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเจือปนไปด้วยความเคียดแค้นอยากสุดลึกดังกึกก้องไปทั่วลานประลองเจ้ายุทธจักรครั้งที่ 68 สถานที่ที่จอมยุทธผู้มีชื่อเลื่องลืออย่าง “ทรัพย์สิ้น” ได้จบชีวิตลงเพียงด้วยเหตุผลที่ว่า …ไปว่าคนอื่นเค้าหน้าแก่
“ทรัพย์สูญ” ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล “จาง” (…ย่อมาจากทรัพย์จางหน่ะ) บุตรชายผู้ซึ่งได้เข้าร่วมชมการประลองยุทธในครั้งนั้น และได้เห็นภาพของบิดาตัวเองถูกจอมยุทธเฒ่าใช้กระบี่ “ก่อนกาลเหลืองสุริยัน” ฟันฉับตัดคออย่างเลือดเย็น สีแดงของโลหิตไหลสาดพวยพุ่งสูงขึ้นไปยังท้องฟ้า เลือดชะโลมย้อมนภาจนเป็นสีแดงสดไปทั่วทั้งบริเวณ ถึงแม้จอมยุทธเฒ่าผู้ไร้นามจะเหาะเหินหนีจากไปนานแล้ว แต่เสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงยังคงดังกึกก้องเข้าไปในจิตใจของใครหลายๆ คน …และทรัพย์สูญก็คือหนึ่งในคนเหล่านั้น
“ข้าจะต้องหาทางแก้แค้นให้ท่านพ่อให้จงได้!!!!” ทรัพย์สูญตะโกนก้องพร้อมกับปาดน้ำตาบนใบหน้า
“โถ เจ้าเด็กน้อย ศัตรูของเจ้าถือครองกระบี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกาอย่างก่อนกาลเหลืองสุริยัน แล้วเจ้าจะเอาอะไรสู้กับเค้า?”
เสียงของหญิงชราแว่วดังเข้ามาในหัวของทรัพย์สูญ เด็กน้อยหันไปมองทั่วทั้งลานประลองแต่กลับไม่พบหญิงชราเจ้าของเสียงนั้นเลย
“หากเจ้าต้องการชัยชนะเหนือเจ้าจิ้งจอกเฒ่า หากเจ้าต้องการพิชิตกระบี่ก่อนกาลเหลืองสุริยัน เจ้าจักต้องออกเดินทางไปยังทิศตะวันออก…” เสียงหญิงชราดังก้องกังวาลในหัวของทรัพย์สูญ
“อะไรนะ? ทิศตะวันออก? ที่นั่นข้าจะได้พบกับสิ่งที่สามารถช่วยให้เอาชนะเจ้าจอมยุทธเฒ่านั้นได้จริงๆ เหรอ” ทรัพย์สูญรำพึง
…เวลาผ่านไป 15 ปี
จากเด็กน้อยวัย 10 ปีในวันนั้น เติบโตแกร่งกล้าเป็นชายชาตรีที่ไม่เกรงกลัวซึ่งภัยใดใด ทรัพย์สูญในตอนนี้อายุได้ 25 ปีพอดิบพอดี เขาเริ่มออกเดินทางจากสุดขอบโลกฝั่งทิศตะวันตกนับตั้งแต่วันที่เค้าสูญเสียบิดาไป ปากยังคงท่องซ้ำๆ ไปมาถึงประโยคที่ว่า ‘ออกเดินทางไปยังทิศตะวันออก’ แต่ช่วงเวลากว่า 15 ปีที่ผ่านมา เขากลับยังไม่พบกับสิ่งใดที่แลดูเหมือนว่าจะสามารถเอาชนะเหนือกระบี่ก่อนกาลเหลืองสุริยันได้เลย
“หรือที่จริงมันจะเป็นแค่เพียงเสียงข้าที่เฝ้าหลอกตัวเองกันแน่นะ” เค้าทรุดกายลงบนถนนดินโคลนในหมู่บ้านอันห่างไกล ปลายสุดขอบแผ่นดินฝั่งตะวันออก เนื้อตัวเปื้อนเปียกเลอะโคลนตมและจมดิ่งลงสู่ความเศร้าหมอง
“ท่านพ่อ…ข้ามันเป็นลูกอกตัญญู ไม่สามารถล้างแค้นให้ท่านได้ ข้ามันช่างไร้ค่าสิ้นดี!”
“ในที่สุดเจ้าก็มาถึงที่นี่จนได้สินะเด็กน้อย” เสียงที่คุ้นหูแว่วดังขึ้นใกล้ๆ
“นี่ก็คงจะเป็นเรื่องปั้นแต่งในหัวของข้าเองสินะ…” ทรัพย์สูญหันมองไปรอบๆ ตัวผ่านดวงตาที่พร่าเลือนด้วยความอิดโรย
“ไม่ใช่เลยเด็กน้อย ในที่สุดเจ้าก็มาหาข้าจนได้” เสียงของหญิงชราดังชัดขึ้นราวกับยืนอยู่เบื้องหน้า
ทรัพย์สูญสะดุ้งโพล่งเงยหน้าขึ้น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ แต่ผ่านไปแค่อึดใจเดียวก็กลับถอนหายใจออกมาเหือกใหญ่ พร้อมกับส่ายหัวไปมาเหมือนไม่อยากยอมรับความจริง
“ยายเป็นใครกันแน่? ถ้าจะมายัดเยียดดอกไม้ใส่มือแล้วไถตังค์ละก็ ข้าไม่มีเงินให้หรอกนะ! เพราะเงิน 2,500 บาทสุดท้าย ข้าเพิ่งเอาไปลงกับกระบี่ลามี่ปลอมสีเขียวมะนาว ตอนนี้ข้าไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วนอกจากปากกาปลอมโง่ๆ ด้ามนี้!” เขาเอ่ยโดยไม่เงยหน้ามอง
“เจ้าพลาดหลงเชื่อใจคนจนซื้อกระบี่ปลอมมาแต่อย่าจงท้อใจ ยังมีกระบี่ปลอมอีกเยอะรอให้เจ้าครอบครองใน taobao นะ” หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ข้าหมดสิ้นทุกหดทางแล้วที่จะล้างแค้นให้ท่านพ่อ เดินทางจากต้นจนถึงปลายสุดของขอบโลกเพื่อพบกับความว่างเปล่า ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว! ไอเฮวฟน็อททิ่งเลฟ!” ทรัพย์สูญก้มหน้าและเริ่มร้องไห้
“เมื่อ 15 ปีก่อน ข้าเคยส่งไลน์แบบข้อความเสียงไปให้เจ้า เจ้าพอจำได้หรือไม่? อันที่จริงข้ายังพูดไม่ทันจะจบเน็ตมือถือก็ติดลิมิตซะก่อน ส่งข้อความยังไงข้อความก็ไม่ไป ประโยคมันเลยไม่ครบถ้วน” หญิงชราอธิบาย
“ที่แท้ก็เป็นเสียงของท่านนี่เอง ข้าเดินทางตามที่ท่านบอกมาตลอด 15 ปี บุกป่าฝ่าพงไพร…และดงมือที่สีลมในวันสงกรานต์ เข้าถ้ำเสือถ้ำเก้งถ้ำกวางมาก็หลายถ้ำ(อ้วกกันมั้ย) แต่สุดท้ายก็ยังไม่เจอสิ่งที่สามารถช่วยให้ข้าเอาชนะได้เลย! ข้ามันช่างไร้ความสามารถ!” เข้าตะโกนอย่างเจ็บแค้น
“…ว่าแต่ว่า ประโยคที่ขาดหายไปที่ท่านเอ่ยถึงคืออะไรหรือท่าน?” ทรัพย์สูญเอะใจขึ้นได้จึงถามด้วยความสงสัย
“อะ…เอ่อ คะ…คือว่า….” หญิงชราพยายามพูดแต่มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน
“อะไรหรือท่าน? ข้าพลาดอะไรไปใช่มั้ย?!”
“เอ่ออออ คือว่าประโยคต่อจากนั้นข้าจะพูดว่า ‘เจ้าจักต้องออกเดินทางไปยังทิศตะวันออก…เดินไปอีก 500 เมตรจะเจอกับบ้านของหลานสาวข้า แล้วข้าจะส่งกระบี่แบบ EMS ไปให้เจ้าที่นั่น’” หญิงชราอธิบายพร้อมกับค่อยๆ ก้าวเท้าเดินถอยหลัง
“นี่คือกำลังจะบอกว่าที่ข้าใช้เวลาเดินทางกว่า 15 ปี เสียเวลาไปอย่างโง่ๆ ข้ามน้ำข้ามทวีปและดงสัตว์ร้าย ทั้งที่จริงแล้วเดินแค่ 500 เมตรก็ได้ของแล้ว! แกจะหมายความว่าอย่างนั้นใช่มั้ยอิยาย?!!” สติเขาขาดสะบั้น
“กะ…ก็เน็ตมันไม่อันลิมิตนี่…”
“ไม่ต้องมาพูดมาก!! เอา 15 ปีของข้าคืนมานะ!!”
“ข้าคงจะไม่สามารถคืนช่วงเวลา 15 ปีให้กับเจ้าได้ แต่อย่างน้อยข้าก็ขอพูดถึงกระบี่เล่มนี้ให้เจ้าได้ฟังเถิด” แสงเปล่งจ้าสว่างออกมาจากมือทั้งสองของหญิงชรา
“นะ…นี่มัน!! กระบี่ก่อนกาลเหลืองสุริยันนี่! ทำไมกระบี่เล่มนี้ถึงมาอยู่กับท่านได้?!” เสียงพูดตกใจอย่างไม่ได้ศัพท์ออกมาจากปากของทรัพย์สูญ
“โนๆๆๆๆ กระบี่ที่เจ้าเห็นอยู่ตรงหน้าไม่ใช่กระบี่ก่อนกาลเหลืองสุริยันหรอกนะ ถึงแม้หน้าตาของมันจะคล้ายคลึงกันก็ตาม แต่จริงๆ แล้วมันคือกระบี่คนละเล่ม ไหนๆ เจ้าก็นั่งจมปลักโคลนว่างๆ อยู่แล้ว งั้นมาฟังเรื่องราวของมันกันเถอะ!” หญิงชราผายมือมาที่แสงเจิดจ้า
…
Lamy Safari Yellow Black Clip Metal Cross Cap (มันไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการอ่ะ) หรือชื่อในยุทธภพคือ “กระบี่ปฐมกาลเหลืองสุริยัน” เป็นกระบี่ที่มีลักษณะหน้าตาเหมือนกันกับกระบี่ก่อนกาลเหลืองสุริยันในแทบทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นสีเหลืองเข้มของตัวและฝักกระบี่(ตัวด้ามและปลอก) นิลดำกากบาทเหนือกระบี่(จุกดำกากบาท) หรือจะเป็นสายคาดกระบี่สีดำ(คลิปดำ) ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนแล้วแต่เป็นลักษณะเด่นของกระบี่ก่อนกาลเหลืองสุริยันแทบทั้งสิ้น
แต่ถ้าหากเจ้าลองหยิบกระบี่เล่มนี้ขึ้นมาพินิจดูให้ดี เจ้าจะเห็นถึงรายละเอียดที่แตกต่างกันในหลายๆ ตำแหน่ง แต่ก่อนอื่นข้าอยากให้เจ้าลองศึกษาข้อมูลของกระบี่ “นางฟ้าหลังกำแพงเบอร์ลิน” ประกอบด้วยนะเพื่อที่เจ้าจะได้เข้าใจมันมากยิ่งขึ้น
จุดเด่นจุดหลักที่ทำให้กระบี่ปฐมกาลเหลืองสุริยัน (Old Yellow with Metal Cross Cap) เล่มนี้ต่างกับทั้งกระบี่ก่อนกาลเหลืองสุริยัน(Old Yellow) และ เหลืองสุริยัน (New Yellow) ก็จะไม่พ้นในส่วนของส่วนบนของกระบี่หรือก็คือจุกกากบาท จริงอยู่ว่ามันเป็นจุกสีดำกากบาทเหมือนกันกับกระบี่เล่มอื่น แต่ถ้าลองส่งดูใกล้ๆ จะเห็นว่าที่กลางจุกของปฐมกาลฯ นั้นจะไม่มี “รู” ตรงกลาง และถ้าเราลองเอานิ้วหรือโลหะเช่น ช้อนส้อม เคาะที่จุกดู ก็จะทำให้เรารู้ว่าวัสดุที่ใช้ทำจุกนั้นเป็น “โลหะ” ไม่ใช่พลาสติกเหมือนอย่างทุกที
ซึ่งเมื่อเราลองถอดฝักกระบี่ (ปลอกปากกา) ออกดูเพื่อให้เห็นภายใน จะเห็นว่าที่ด้านในนั้นจะใช้การยึดจุกโลหะเข้ากับปลอกด้วยวิธีหมุนเกลียวอันเนื่องมาจากวัสดุที่เป็นโลหะนั่นเอง (พลาสติกจะเป็นการยึดด้วยวิธีการกดให้ลงล็อค)
หากเจ้าได้ศึกษาเรื่องราวของกระบี่นางฟ้าหลังกำแพงเบอร์ลินมา เจ้าจะรู้ว่าที่ส่วนของฝักกระบี่(ปลอกปากกา) ที่บริเวณร่องบากส่วนบนนั้นจะมีรูเล็กๆ เจาะเอาไว้ ซึ่งปฐมกาลฯ ก็จะมีรูแบบนี้เช่นเดียวกัน
คงคิดสินะว่าในเมื่อกระบี่ด้ามนี้มีลักษณะส่วนใหญ่ที่เหมือนกันกับกระบี่นางฟ้าฯ ดังนั้นที่ส่วน “ก้น” ของกระบี่ก็น่าจะต้องมีการสลักคำว่า W.GERMANY เช่นเดียวกันด้วยใช่มั้ย แต่เจ้าเข้าใจผิด!! ก็ตามที่ข้าได้บอกไปแล้วว่าในยุคสงครามโลกครั้งที่สองช่วงก่อนการพังทลายของกำแพงเบอร์ลินนั้น กระบี่ลามี่ซาฟารีจะถูกผลิตออกมาเพียงไม่กี่สีและสีเหลืองก็มีจ้อมูลบอกไว้ว่าได้ผลิตขึ้นในช่วงนั้น หากแต่ว่า “เพิ่งจะมีการผลิตขึ้นหลังจากการรวมประเทศเยอรมัน หลังวันที่ 8 พฤศจิกายน 1989” ดังนั้นที่ก้นของกระบี่ปฐมกาลเหลืองสุริยันจึงใช้คำว่า GERMANY นั่นเอง (ถ้าจู่ๆ มีเหลือง W.GERMANY โผล่ขึ้นมาผมจะร้องกรี๊ด)
“ถ้าเป็นอย่างที่ท่านเล่ามา แล้วเจ้าปฐมกาลเหลืองสุริยันนี้ถือว่าเป็นรุ่นใดยุดใดล่ะท่าน มันคือ gen ไหน?!” ทรัพย์สูญกุมหัวด้วยความปวด
“จากการวิเคราะห์ของข้าและจากข้อมูลที่เคยได้รวบรวมมา กระบี่ Lamy Safari (ทำไมกลายเป็นชื่อฝรั่ง?) นั้นจะถูกแบ่งออกด้วยกัน 4 gen ตามที่เคยได้เล่าไปนั่นแหละ แต่! กระบี่เล่มนี้กลับไม่เข้ากับเจนใดใดเลย! มันเลยทำให้ข้าคิดว่ากระบี่เล่มนี้น่าจะเป็นรุ่นที่อยู่ระหว่าง gen 2 กับ gen 3 ที่พูดแบบนี้เพราะว่ามันมีน็อตและจุกที่ทำมาจากเหล็ก อีกทั้งยังมีรูที่ปลอกปากกาเป็นลักษณะของ gen 2 แต่ในส่วนของก้นปากกากลับเป็น GERMANY และเกลียวปากกามีร่องยึดหลอดหมึกซึ่งเป็นลักษณะของ gen 3 และจากข้อมูลเรื่องสีของกระบี่ที่ถูกผลิตในช่วง gen 2 นั้น ทำให้เรารู้ว่ามันน่าจะถูกผลิตในช่วงเปลี่ยนถ่ายจาก gen 2 สู่ gen 3 หรือก็คือปลายปี 89 ย่างเข้ายุค 90 นั่นเอง!” แม่เฒ่าร่ายยาวจนเขาเกือบเผลอหลับ
“มันช่างงดงามยิ่งนักท่านแม่เฒ่า! ไม่ทราบว่ากระบี่ปฐมกาลเหลืองสุริยันเล่มนี้ท่านไปค้นหามาจากที่ใด?” เขาถามอย่างใคร่รู้
“กระบี่วิเศษเหนือกระบี่เหลืองสุนิยันทั้งปวงเล่มนี้ข้าไปได้มาจากตลาดนัดคนเคยรวยชื่อว่า ”อิเบ้“ (ebay) โดยเพื่อนของข้าแม่นางลิงลิงได้ไปพบเห็นเข้าแล้วจึงแจ้งข่าวมา ข้ามองดูแล้วเห็นคนขายหน้าตาออกไปทางคนเยอรมันแลดูน่าเชื่อถือตั้งกระบี่เล่มนี้ไว้แบบสามารถซื้อได้เลยโดยไม่ต้องประมูล (buy it now) และราคาอยู่ที่ประมาณ 2,500 บาท ข้าก็เลยสอยมาเลยโดยไม่มีความลังเล…แต่ข้าคิดว่าราคานี้ค่อนข้างสูงไปหน่อยนะ” ท่านแม่เฒ่าเล่าไปพลางก้มนับเศษเงินในกระเป๋าสตางค์
“ไม่เลยท่านแม่เฒ่าไม่แพงเลย ข้ากลับคิดว่ากระบี่เล่มนี้ช่างสวยงามและแลดูล้ำค่ายิ่งนัก แถมยังหายากแล้วในปัจจุบัน หากเป็นไปได้ข้าก็หวังจะได้ครอบครองกระบี่เล่มนี้บ้าง” ทรัพย์สูญทำตาละห้อยพลางก้มดูกระบี่เหลืองมะนาวปลอมที่อยู่ในมือ
“เจ้าเด็กโง่! ที่ข้าให้ตามหากระบี่เล่มนี้ก็เพราะข้าต้องการจะยกให้เจ้า เพื่อใช้ล้างหนี้แค้นของเจ้ารวมถึงหนี้แค้นของข้าด้วยยังไงล่ะ!”
“ท่านมีหนี้แค้นกับเจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่นด้วยเหรอ?” เขาถาม
“ใช่!! ไอผัวตัวดี! ข้าอุตส่าห์เก็บกระบี่ลามี่หลากสีหลากหลายด้ามไว้อย่างดิบดี อยู่มาคืนนึงมันนึกครึ้มอยากจะลงอ่างอาบน้ำใจจะขาด มันเลยงัดตู้สมบัติของข้าแล้วขโมยกระบี่ไปขายในอิเบ้หมดเลย! ข้าแค้นยิ่งนัก!!” ท่านแม่เฒ่าระบายแค้น
“โปรดจงสบายใจได้ ข้าทรัพย์สูญผู้นี้จะไปล้างหนี้แค้นแทนท่านให้จงได้!!” เขารับกระบี่ปฐมกาลเหลืองสุริยันไว้ในมือแล้วจึงออกเดินทางตามล่าจอมยุทธจิ้งจอกเฒ่าคู่แค้นตลอดกาล
…
“ผลั๊วะ!!” เสียงถีบประตูดังสนั่นได้ยินไปถึงเรือนคนรับใช้ที่อยู่ชั้นในสุด
“ไอชั่วจิ้งจอกเฒ่า! แกโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ! ในที่สุดวันที่ข้าจะได้ชำระแค้น 15 ปีก็มาถึงจนได้! ออกมาประมือกับข้าเดี๋ยวนี้!!” ทรัพย์สูญท้าทายอย่างเหิมหาญ
“อ่ะ…เอ่อ… ขออภัยนะขอรับ คือว่าข้าเป็นเด็กรับใช้ของท่านจอมยุทธเฒ่า คือท่านจอมยุทธไม่สามารถมาประลองดาบกับท่านได้หรอกขอรับ” เด็กรับใช้รีบวิ่งมาต้อนรับ
“เพราะว่าไอเฒ่านั่นมันกลัวข้าจนหัวหดสินะ มันเลยให้เจ้ามาบอกเช่นนี้!” ทรัพย์สูญไม่เชื่อคำ
“ไม่ใช่หรอกขอรับ คือนายท่านได้สิ้นลมหายใจตายห่าไปตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อนแล้วขอรับด้วยอาการธาตุไฟเข้าแทรก ก็แหม่! เล่นหอบกระบี่เหลืองสุริยันถึงสองเล่มกระโดดเหินไปมาพลางตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ข้าจำได้ว่าท่านจอมยุทธกระโดดออกมาจากลานประลองได้ไม่ทันไร ท่านก็ร่วงลงมาชักดิ้นชักงอตายใต้ต้นมะม่วงข้างรั้วเลยอ่ะท่าน คนอะไร๊! ช่างน่าสงสารจริงจริ๊งงงง!!” เด็กรับใช้เม้าท์เจ้านาย
ทรัพย์สูญนิ่งเงียบพักใหญ่ แล้วก็เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาว่า…
“…กูนี่แหละที่น่าสงสารที่สุดในเรื่อง”
ปล. หวังว่าจะไม่มีภาคต่อนะ คือไม่รู้จะมั่วเรื่องไปทางไหนแล้ว T_T