สิ่งที่ชั้นจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของความสิ่งที่ชั้นได้ไปพบเจอมา มันเป็นเรื่องราวของดินแดนมหัศจรรย์ที่ชั้นได้บังเอิญ “ตกหลุม” แล้วหล่นร่วงเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้ และที่ดินแดนนี้เองที่ชั้นได้พบเจอกับเหล่าเพื่อนสัตว์น่ารักมากมาย ราชีนีผู้ใจดีและใจร้าย เหล่าทหารผู้คอยพิทักษ์รักษาดินแดน ชั้นรู้นะว่าคุณๆ คงเคยอ่านเรื่องราวของชั้นที่ได้รับการบันทึกมากันบ้างแล้วไม่มากก็น้อย แต่ในวันนี้ชั้นจะเปิดบันทึกอีกเล่มที่ไม่เคยเล่าให้ผู้ใดฟังมาก่อนให้ได้รู้กัน
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นหลังจากที่ชั้นได้ตกลงไปใน “โพรงกระต่าย” หลังจากที่ชั้นหล่นตุ๊บและเดินตามคุณกระต่ายไปนั้นเอง ตอนนั้นชั้นก็ได้พบเข้ากับห้องโถงใหญ่ห้องนึงที่มีประตูมากมายแต่ถูกปิดล๊อกไว้ และในโถงแห่งนี้ก็มีโต๊ะกลมสามขาตั้งอยู่ใช่มั้ย? และบนโต๊ะนี้เองที่มีลูกกุญแจที่พาไปสู่สวนสวยที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
เรื่องราวหลังจากนี้คุณคงจะเคยได้ยินกันมาหมดแล้ว แต่ถ้าหากยังไม่เคยก็ลองหาหนังสือของชั้นมาอ่านดูกันได้จะได้เข้าใจมากขึ้นว่าชั้นไปพบเจออะไรมาบ้าง และเรื่องที่ชั้นกำลังจะเล่าต่อจากนี้มันเกิดขึ้นช่วงตอนไหนกันแน่ [โหลดอ่านฟรีได้ที่นี่นะ]
เอาล่ะๆ มาฟังกันต่อดีกว่า แน่นอนว่าบนโต๊ะตัวนี้มีลูกกุญแจดอกนึงวางอยู่และชั้นใช้มันไขเปิดประตูบานเล็กขนาดเท่ารูหนูที่จะนำไปสู่สวนที่สวยงาม และหลังจากนั้นก็มีเรื่องให้ชั้นร้องไห้อย่างโง่เง่า…และการผจญภัยที่แท้จริงก็เริ่มขึ้น แต่สิ่งที่ชั้นจะเล่ามันคือเรื่องระหว่างที่ชั้นกำลังลองลูกกุญแจกับประตูทุกๆ บานอยู่ต่างหากล่ะ แม้ในบันทึกจะบอกไว้ว่าชั้นลองไขทุกบานแล้วจนในที่สุดก็ไขได้ แต่ทว่าในตอนนั้นนะ มีประตูบานนึงที่ “ไม่มีรูกุญแจ” แต่กลับมีเครื่องสแกนลายนิ้วมือติดอยู่ที่ด้านหน้า แต่ว่าตัวชั้นในตอนนั้นยังมีความสูงไม่มากพอที่จะเอื้อมไปลองปั้มลายนิ้วมือได้ ชั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรและก็ลืมมันไป…
หลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างจบลงและชั้นก็ได้กลับจากดินแดนมหัศจรรย์นี้สู่โลกมนุษย์ เวลาผ่านไปเกือบ 15 ปี ในตอนนี้ถึงชั้นจะมีลูก 2 และผัว 1 แล้ว แต่ลึกๆ ในใจก็ยังอดคงคิดคำนึงถึงประตูบานนั้นไม่ได้เลย มันช่างน่าสงสัยนักว่าที่หลังประตูบานนี้จะมีอะไรกันแน่ มันจะใช่ ห้องสีแดงของมิสเตอร์เกรย์ จาก Fifty Shades of Grey หรือเปล่าน้าาาา คิดแล้วก็ได้แต่แซ่บปาก!
ชั้นจึงหลบสายตาของผัวและลูกๆ หนีออกจากบ้าน ออกเดินทางไปที่ที่โพรงกระต่ายนั้นเคยมีอยู่ และแล้วชั้นก็ได้พบกับโพรงที่ว่านี้เข้าจนได้! ตัวของชั้นสั่นเทิ้มเสียวซ่านไปด้วยความตื่นเต้น ชั้นจะได้พบกับอะไรหลังประตูบานนั้นนะ มันจะเป็นสถานที่แบบไหน และจะมีอะไรอยู่ข้างในนั้น พอคิดขึ้นมาแบบนี้ชั้นจึงตัดสินกระโดดลงโพรงไปเลย
วิ่งเข้าสู่ห้องโถงด้วยใจที่เต้นแรง แน่นอนว่าบนโต๊ะสามขาตัวนั้นไม่ได้มีกุญแจดอกใดตั้งอยู่แต่ชั้นก็ไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าประตูที่ชั้นหมายมั่นจะเข้าไปให้ได้นั้นใช้แค่เพียงลายนิ้วมือเท่านั้น ชั้นก้าวมายืนหน้าประตูบานนี้ มันยังคงปิดแน่นและมีเครื่องสแกนลายนิ้วมืออยู่บนนั้น ผ่านไป 15 ปี ตัวของชั้นก็เติบโตสูงใหญ่เพียงพอที่จะสามารถใช้เครื่องสแกนนิ้วนี้ได้แล้ว ชั้นยื่นมือออกไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และบรรจงวางนิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายลงบนแท่น เสียงปี๊ดังขึ้นเบาๆ ตามมาด้วยความเงียบสงัด…
“ทำไมถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนะ?”
ชั้นลองเคาะ ลองทุบ รวมถึงออกแรงผลักเบาๆ ให้ประตูเปิดออก…แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชั้นโมโหสุดขีดเนื่องด้วยความหวังและการรอคอยที่ชั้นถวิลหามานานแสนนานกลับพังอย่างไม่เป็นท่า
“นี่ชั้นรอถึง 15 ปีเพื่ออะไร?!”
ชั้นเดินตาขวางก้าวเท้าอย่างเร็วไปที่โต๊ะสามขาตัวนั้น ออกแรงยกมันขึ้นหลังเหมือนสมัยที่ยังแบกปูนในไซต์ก่อสร้าง หยุดยืนหน้าประตูบานนั้นแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ …จากนั้นก็ทุ่ม
“โคร้มมมมมมม!!!!!”
เสียงโต๊ะแก้วกระแทกเข้ากับประตูอย่างจังดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องโถง และในที่สุดประตูก็แง้มเปิดออก ชั้นร้องดีใจอย่างสุดเสียงและรีบวิ่งผ่านประตูบานนี้เข้าไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันหลังมาดูนิดนึงว่าเพราะเหตุใดทำไมประตูถึงเปิดไม่ได้นะ
“ที่แท้ก็เพราะด้านหลังของประตูมีศพของคุณกระต่ายขาวนอนขวางอยู่นี่เอง…จะตายทั้งทียังสร้างความเดือดร้อนให้ชั้นอีกนะ! อิกระต่ายบ้า!”
ห้องที่เห็นในเบื้องหน้านั้นชั้นแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลยเชียวล่ะ ชั้นไม่เคยเห็นห้องใดๆ ที่สีสวยงามแบบนี้มาก่อน ผนังทั้งสี่ด้านเป็นสีชมพูหวานเหมือนดั่งสีของป๊อกกี้รสสตอเบอรี่ รวมถึงทั้งเพดานห้องและพื้นหินยังเป็นสีชมพูเลย แต่ข้าวของเครื่องใช้ภายในล้วนแล้วแต่เป็นสีฟ้าอ่อน ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน หมอน ผ้าม่าน โต๊ะเก้าอี้ รวมไปถึงสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นแปรงขัดส้วม ตรงกลางของห้องมีโต๊ะหินอ่อนเล็กๆ ตัวนึงที่เป็นสีขาวโดดเด่นตัดกับสีของห้องและข้าวของต่างๆ โต๊ะตัวนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก ขนาดพอๆ กับโต๊ะสำหรับจิบน้ำชาในสวนหลังบ้านของชั้นเลย แต่ว่าที่บนโต๊ะนั้นกลับไม่ได้มีชุดเครื่องชาหรือชั้นขนมสโคนวางอยู่นะ แต่สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นหากคุณได้เห็นแล้วจะต้องอึ้ง!!
สิ่งนั้นก็คือสมุด Moleskine ในตำนาน!! มิหนำซ้ำยังเป็นสมุดที่มีภาพของชั้นสมัยยังเด็กในตอนที่ได้เข้ามาสู่ดินแดนนี้เป็นครั้งแรกด้วย สมุดทั้งหมดนี้มีด้วยกัน 5 เล่ม 5 ลายสวยงามเป็นที่สุด แต่ 1 ในนั้นมีเล่มที่พิเศษสุดๆ คือเป็น Limited Edition ที่วางขายเฉพาะในร้าน Moleskine แบบออนไลน์นั่นก็คือเล่มขนาดใหญ่ปกผ้าสีน้ำตาลอ่อนนั่นเอง
แต่คุณก็คงจะรู้สินะว่าชั้นหน่ะเป็นคนที่จะใช้สมุดแบบไม่มีเส้นและเป็นเล่มขนาด Pocket เท่านั้น เพราะว่าพกพาง่ายและสามารถสเก็ตช์รูปได้ไม่มีเส้นมาเกะกะตา ชั้นจึงเลือกหยิบสมุด Plain Pocket ขึ้นมาดูและอยากรู้นักว่าข้างในสมุดเล่มนี้จะมีอะไรเขียนไว้บ้าง
Moleskine Alice’s Adventures in Wonderland Limited Edition, Pocket Plain [ลองกดดูมั้ย?] คือสมุดเล่มเล็กไร้เส้นที่ทั้งเล่มเป็นสีฟ้าอมม่วงสดใสน่าครอบครองยิ่งนัก ตัวเล่มเป็นสมุดปกแข็งเหมือนกับ Moleskine ที่พวกคุณใช้อยู่นั่นแหละแต่ทุกส่วนจะใช้สีฟ้าทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเชือกรัดสมุดรวมไปถึงเชือกคั่นหน้ากระดาษ หรือจะเป็นช่องเก็บของด้านหลังก็ยังเป็นสีฟ้าเลยแม่คู้นนนน
บนหน้าปกมีรูปวาดของชั้นเมื่อครั้งที่ลงมาที่ห้องโถงนี้ครั้งแรกและกำลังจะหยิบลูกกุญแจมาไขเปิดประตูบานเล็ก ภาพวาดแบบคลาสสิคเหมือนกับภาพประกอบในหนังสือต้นฉบับช่างทำให้สมุดดูสวยงามคลาสสิคไม่แพ้กับตัววรรณกรรมเลยทีเดียว
กระดาษคาดสมุดก็ไม่ได้น่าเบื่อไร้ลูกเล่นไปเสียทีเดียวนะ ที่ด้านหลังของกระดาษคาดสมุดมีภาพของคุณกระต่ายไวท์แรบบิท…ที่ตอนนี้เป็นศพนอนกองอยู่ตรงนู้นนนน พร้อมกับคำพูด “สายแล้วๆ” ที่มักพูดติดปากพิมพ์ไว้ ด้านล่างมีโลโก้ของบันทึกเรื่องราวของชั้นพิมพ์ไว้อย่างสวยงามลงตัว แล้วเจ้ากระดาษแผ่นนี้มันเอาไว้ใช้ทำอะไรล่ะ? ที่ปลายกระดาษอีกด้านบอกไว้ว่า เราสามารถทากาวที่ด้านหลังแล้วพับประกบกันเพื่อทำเป็น “ที่คั่นหนังสือ” ได้ด้วย เป็นไอเดียที่เก๋และเหมาะมากกับวรรณกรรมอย่าง Alice in Wonderland จริงๆ
เปิดสมุดมาหน้าแรกชั้นก็ถึงกับอึ้ง! เพราะว่าปกหน้าด้านในนั้นมีคำพูดสุดคลาสสิคที่ Duchess ได้พูดกับชั้น “Everything’s got a moral, if only you can find it.” และที่ตรงด้านล่างก็มีนกโดโด้บ้าที่บอกว่าถ้าอยากจะตัวแห้งก็ต้องเล่นเกม…หลอกให้ชั้นวิ่งมันเหนื่อยรู้มั้ยไอนกบ้า!!
หน้าถัดมาเป็นกระดาษรองปกที่เป็นภาพวาดบันทึกถึงตอนที่ชั้นได้พบกับเจ้าเหมียวเจ้าเล่ห์เชสเตอร์เป็นครั้งแรก ภาพวาดนี้งดงามมากแสดงถึงรายละเอียดของเหตุการตามในวรรณกรรมได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มของเจ้าแมวเหมียว ท่าทางของชั้นที่เอ่ยถาม ล้วนแล้วแต่น่าสนใจเสียทั้งหมด และแน่นอนว่าในเมื่อเป็นสมุด Moleskine ในตำนานก็ย่อมไม่ลืมที่จะมีช่องสำหรับเขียนที่อยู่หากว่าทำสมุดตกหายแล้วมีคนพบเจอแล้วอยากส่งคืน
ชั้นคิดไว้ว่าสมุดเล่มนี้คงมีลูกเล่นแค่เพียงเท่านั้นแหละ แต่กลับต้องอึ้ง! เมื่อพบว่าบนหน้ากระดาษแผ่นถัดมานั้นมีเรื่องราวตอนต้นในวรรณกรรมเรื่อง Alice in Wonderland พิมพ์ไว้ให้ได้อ่านกัน เสมือนกับว่าเป็นการเริ่มเรื่องราวของการผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์และหน้ากระดาษของสมุดนั้นจะเป็นเรื่องราวที่ “เรา” เป็นผู้เขียนขึ้นมาเอง เท่มาก! พอชั้นคิดได้แบบนั้นก็เลยรีบเปิดไปดูที่หน้าสุดท้ายของสมุดว่าจะเป็นอย่างที่ชั้นคิดจริงมั้ย และก็ใช่! ในหน้าสุดท้ายก็มีเนื้อเรื่อง “นิทานของเจ้าหนู” ที่เป็นตอนหนึ่งในวรรณกรรม Alice in Wonderland พิมพ์ไว้ด้วยเช่นเดียวกัน
อย่าคิดว่าสมุดจะหมดความพิเศษลงแต่เพียงเท่านี้ เพราะที่ช่องใส่ของด้านหลังของสมุดยังมีสติ้กเกอร์แถมมาให้ด้วยอีก 2 แผ่น เป็นสติ้กเกอร์สัญลักษณ์บนหน้าไพ่พวก โพดำ (♤) โพแดง (♥) ข้าวหลามตัด (♢) และดอกจิก (♧) ที่เป็นสัญลักษณ์ของเหล่าพระราชา ราชินี รวมถึงทหารทั้งหลายในพระราชวังนั่นเอง โอ้ยยยยย เห็นแล้วมือสั่นอยากจั่วไพ่จริงๆ เล้ยยย!
โพรงกระต่ายอยู่ที่ไหนนะ?
ถึงตอนนี้พวกคุณคงอยากที่จะครอบครองเป็นเจ้าของสมุดสวยๆ ที่มีรูปของชั้นกันแล้วใช่มั้ยล่ะ แน่นอนว่าพวกคุณคงจะไม่สามารถกระโดดลงโพรงแล้วเข้ามาหยิบสมุดเล่มนี้ออกไปได้เหมือนชั้นหรอกนะ แต่ว่ามีวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ได้เป็นเจ้าของในราคาที่ถูกเว่อร์มาบอก นั่นก็คือไปสอยที่ร้านหนังสือออนไลน์อย่าง Book Depository ยังไงล่ะ! ส่งฟรีทั่วโลกแถมราคายังถูกด้วยนะคู้นนนน ซึ่งราคาค่าตัวของแต่ละเล่มเป็นดังนี้!
สมุดขนาด Pocket สีฟ้ากระดาษไม่มีเส้น ราคาลลดแล้วเหลือ 527.81 บาท กดสิจ๊ะ
สมุดขนาด Pocket สีชมพูหวานนนนน กระดาษมีเส้นบรรทัด ราคา 527.81 บาทเหมือนกัน กดอีกสิจ๊ะ
สมุดขนาด Large สีดำเข้มแต่ดูหรูหราด้วยภาพพิมพ์สีทอง กระดาษไร้เส้น ราคา 773 บาท กดอีกทีจ่ะ
เท่าที่ลองหาๆ ดู ตอนนี้สมุดเล่มสีขาวยังคงขาดตลาดอยู่นะบน Book Depository ยังไงก็ลองเลือกเล่มอื่นไม่ก็รอกันไปก่อนจ้า ส่วนใครที่อยากได้เล่มปกผ้าสีน้ำตาลก็ลองให้เพื่อนที่อเมริกาสั่งซื้อให้นะ เพราะที่อื่นไม่มีขายนะ
ถึงแม้ว่าหลังประตูบานนี้จะไม่ได้เป็นห้องสีแดงแสนแซ่บของมิสเตอร์เกรย์แต่ชั้นก็ไม่เสียใจนะ เพราะว่าสิ่งที่ชั้นได้พบกลับเป็นสมุดที่สุดแสนจะน่ารักและสวยหวานอย่าง Moleskine Alice in Wonderland Limited Edition สีสันที่สดใสสวยงามและลายเส้นภาพหน้าปกที่แสนจะคลาสสิคช่างเหมาะกับสาวน้อยลูกสองผัวหนึ่งอย่างชั้นเสียจริง หากคุณได้มาอ่านบันทึกฉบับนี้แล้วสนใจในสมุดน่ารักๆ เล่มนี้แล้วล่ะก็ รีบหามาจับจองก่อนที่จะสายเกินไปนะจ๊ะ!
จะว่าไป…ชั้นก็ยังอยากที่จะเข้าไปเดินเล่นในห้องสีแดงนั่นอยู่ดีนะ เกรย์ขาาาาา ส่งเฮลิคอปเตอร์มารับอลิสไปที~