โหชื่อเรื่องโคตรยาว แถมลอกชื่อมาทั้งดุ้นเลย ผมเชื่อแน่ว่าพวกคุณๆ ทั้งหลายที่อ่านอยู่ตอนนี้ต้องรู้จักเทปคาสเซ็ทเป็นแน่ (แก่จัง) ผมคนหนึ่งละครับที่เกิดมากับยุคนี้เลย จำได้ว่าตอนนั้นวิงวอนขอร้องพ่อแม่แทบตายเพื่อขอซื้อวิทยุเล่นเทปได้ (จำได้ว่าสีแดงเครื่องใหญ่เท่าหน้าแข้ง) ตรงข้างหัวนอนก็จะมีกล่องใส่กับข้าว …ใช่แล้วครับฟังไม่ผิด เอาไว้เก็บม้วนเทปเพลงนี่แหละ เรียงวางในกล่องสวยเชียว พอมานับดูแล้วคุณด้วย 100 บาทนี้…สุดยอดแพงเลยครับสำหรับนักเรียนมัธยมที่ได้เงินไปโรงเรียนวันละ 40 บาท ผมมักจะเอาไปแลกฟังกับเพื่อนที่โรงเรียนบ่อยๆ แต่คนอื่นแม่งมี Walkman กันหมดอิจฉาชิบเป๋ง เมื่อฟังจบผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเอาปากกามาเสียบไอรูเทปนั้นแล้วก็หมุนควงเพื่อกรอเทปด้วย รู้แต่ว่าตอนทำนี่เท่ชิปเป๋ง! มีสาวๆ มองด้วย! พวกสาวๆ คงคิดในใจว่า “เธอๆ ดูนั่นสิ เท้เท่มีเทปฟังด้วยอ่ะ” แต่จริงๆ แล้วเค้าอาจจะคิดว่า “พวกผู้ชายแม่งโง่ฉิบหาย เครื่องมันกรอเปทได้ ทำไมไม่ใช้วะ” แต่ช่างมันเหอะ ขอผมเท่กัน 3-4 คนก็พอละ
ไม่เข้าเรื่องซะที ผมรู้คุณคงคิด คืองี้ครับ Moleskine เค้าเกิดไอเดียดักแก่ทำสมุด Moleskine limited edition เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ตั้งแต่เทปคาสเซทถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกในปี 1962 ถือเป็นตัวแทนของป๊อปเคาเจอร์ (pop culture) ด้านดนตรีที่ใครๆก็นึกถึง สมุดเล่มนี้จึงจัดทำให้คุณหวนรำลึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขครั้งเมื่อได้ฟังเสียงเพลงจากเทปคลาสเซท
Moleskine Audio Cassete Limited Edition นี้มีด้วยกัน 4 เล่ม เป็นขนาด pocket 2 เล่ม และขนาดใหญ่อีก 2 เล่ม ส่วนกระดาษนั้นก็มีเพียง 2 แบบนะครับ คือ กระดาษมีเส้นปกสมุดจะเป็นเทปสีแดง ส่วนปกที่เป็นรูปเทปสีเขียวจะเป็นกระดาษไม่มีเส้นครับโดยขนาด pocket ราคาจะอยู่ที่ 168 $HK(660 บาท) จากที่รุ่นปกติตั้งราคาไว้ 460 บาท ถือว่าอัพราคาขึ้นเยอะเชียว ส่วนขนาดใหญ่ก็ราคา 228 $HK(900 บาท) เห็นราคาแล้วลมแทบจับเลย ขอถอยมาเล่มเดียวละกัน -..-
เล่มที่ผมสั่งมาคือขนาด pocket ไม่มีเส้นครับ รูปร่างขนาดเหมือนแบบปรกติทุกประการแต่ที่มันเท่ก็คือปกที่ปั้มนูนและเป็นรูปเทปคาสเซทนี่แหละ คือมันไม่ใช่รูปเทปอย่างเดียวนะครับ มันคือเครื่องเล่น walkman! ถ้าสังเกตที่สันสมุดจะเห็นพวกปุ่ม play pause rewind forward stop อะไรต่างๆ เหมือน walkman หมดเลย แถมมีรู(รูปรูหูฟัง) อีกต่างหากถือแล้วอินสุดๆ
พอเปิดสมุดดูปกด้านในก็จะพบข้อความที่เขียนไว้ว่า
Play with words, rewind memories, fast-forward projects, record ideas, pause to think, stop and enjoy
ผมเห็นครั้งแรกก็ร้อง “เหยดดดดด หล่อสัดๆ” อะไรที่มันหล่อๆ เท่ๆ มันช่างเข้ากับผมเสียจริง (ทำนิ้วมือเป็นมุมฉากนาบคาง ท่าโคตรเห่ยเลย)
รองปกเขียนไว้ว่า All recordings and information are property of เพื่อให้เราเขียนชื่อที่อยู่สำหรับติดต่อไว้ ที่พิเศษคือไอช่องนี้มันอยู่บนรูปเทปคาสเซทนี่แหละ! จำได้สมัยก่อนทำ mix tape ให้สาว เราก็จะอัดเพลงที่เราชอบใส่ลงม้วนเทปแล้วก็เขียนไอตรงเทปนี่แหละว่า “เพลงที่เราชอบ เลยอยากให้ชอบเหมือนกัน” จำได้ว่าพอให้เทปเธอคนนั้นไป…เธอก็ไม่คุยกับผมอีกเลย
รองปกด้านหลังมีการทำเป็นรูปเหมือนแผงวงจรของ walkman คือกะให้เราอินกันเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังแถมสติกเกอร์เป็นรูปเป็นปุ่มต่างๆ เอาไว้ให้ติดเก๋ๆ อีกด้วย
ผมว่าคราวนี้ Moleskine ได้ใจผมไปเต็มๆ เลยครับ มันไม่ใช่เพียงแค่สมุดที่พิมพ์เทปลงปกเท่านั้น แต่ทุกๆรายละเอียดที่บรรจงจัดแจงในแต่ละส่วนของสมุดทำให้ผมหวนรำลึกถึงความสุขในอดีตครั้งยังที่ฟังเทปเพลง ได้แลกเปลี่ยนเพลงกันฟังกับเพื่อนตอนเช้าก่อนเข้าเรียน พักเที่ยงก็มาเปิดฟังกัน จีบสาวก็ใช้เทปเพลงนี่แหละแทนใจ สุขสมหวังหรืออกหักเราก็จะกลับมาเปิดเพลงเดิมฟังซ้ำๆ กรอกลับไป-กลับมาจนกว่าน้ำตาจะหยุดไหล ฟังซ้ำๆจนเทปยานเราก็เอาไปแช่ช่องฟรีสในตู้เย็นแล้วก็เอากลับมาฟังอีก เรียกได้ว่าช่วงชีวิตของคนหนึ่งคนสามารถ “ผูกพัน” กับเทปคาสเซทได้ถึงเพียงนี้ ช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์เสียจริง ถึงแม้ว่าทุกวันนี้พวกเราจะเปลี่ยนไปฟังเพลงจากไฟล์ digital กันหมดแล้ว เด็กรุ่นใหม่ก็มีน้อยคนนักที่จะรู้จักเทปคาสเซทนี้และในเวลาไม่ช้าก็จะถูกลืมจนเลือนหายไปจากความทรงจำ แต่เชื่อแน่ว่าทุกครั้งที่คุณหยิบ Moleskine Audio Cassete ขึ้นมา คุณจะเปิดเล่นความทรงจำที่มีความสุขเหล่านั้นขึ้นมาฟังได้ไม่รู้ลืมไม่รู้เบื่อแน่นอนครับ