กลับมาจากหยุดยาวปีใหม่แบบนี้ ผมมีเรื่องเบาๆ อยากมาเล่าให้ฟังกันครับ เอ… เรียกว่ามายั่วกิเลสน่าจะเหมาะสมกว่านะ คือว่าผมนั้นเป็นคนที่ชอบสีแดงเป็นชีวิตจิตใจครับ จะทำอะไร จะเลือกซื้ออะไร หากเห็นสีแดงก็จะเลือกไว้ก่อนเลย ปากกาลามี่ก็ใช้สีแดง(ที่จริงใช้เหลืองคลิปดำ) กระเป๋าสะพายก็ใช้สีแดง(ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลล่ะ) หรือจะเป็นสมุดสเก็ตช์ก็ยังเป็นสีแดงเลย(ที่จริงใช้ TRAVELER’S notebook สีน้ำตาล)
…นี่แกชอบสีแดงจริงป่ะวะ?!
คั่นแป๊บ! สนใจอ่านรีวิว Adidas Superstar คู่อื่นๆ ขอเชิญคลิกที่นี่นะ
เอาเหอะ ก็ไม่รู้จะโยงเข้าเรื่องยังไงนี่ แต่จริงๆ แล้วผมก็ชอบสีแดงครับ เหลือบแดงนิดหน่อยผมเอาหมด ก็มีไอรองเท้าคู่ที่ผมใส่อยู่นี่แหละที่มันไม่แดง คุณผู้อ่านคงจะจำกันได้ใช่มั้ยว่าผมใส่รองเท้า 2 คู่นี้คือ Adidas Superstar 2 และ Adidas Superstar Vintage 80s DLX ซึ่ง 2 คู่นี้เป็นสีขาวแถบสีดำครับ แต่ลึกๆ แล้วผมชอบสีขาวแถบแดงมากๆ ผมเล็งมาตั้งนานแต่พนักงานขายร้านในไทยก็บอกว่าไม่มีขาย
…แต่แล้วรุ่น Vintage ขาวแดงก็มา ซึ่งตอนนั้นโคตรเจ็บปวดเพราะเงินหมดแล้ว…
ผมได้แต่ปล่อยวางแล้วคิดว่า “เอาเหอะน่า ที่มีอยู่ตอนนี้ก็ตรีมไม่พอใส่แล้ว” ผมเลยได้แต่ปล่อยกิเลสของผมให้ย่อยสลายหายไปกับลมหนาวและดาวเดือน
แต่แล้วมันก็มีสิ่งเร้า! ความอยากได้ขาวแดงที่เคยนิ่งสงบกลับต้องพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง วันก่อนผมเดินทางกลับบ้านที่เชียงรายครับ ระหว่างรอเครื่องบินส่วนตัวมารับที่สนามบินดอนเมืองนั้น ผมก็เห็นชาวต่างชาติคู่นึงน่าจะเป็นคนฮ่องกง เข้าเป็นคู่รักกันครับ แต่งตัวเท่ๆ เรียบๆ คนผู้หญิงใส่เสื้อเชิร์ตสีขาวลายลูกไม้ กางเกงยีนส์ขาสั้นกุดสีฟ้าซีดๆ (ดีงามตรงกุด) ส่วนคนผู้ชายใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงสแล็คสีครีม แต่ที่เด่นสะดุดตาที่สุดคือทั้งคู่ใส่รองเท้า Adidas Superstar สีขาวแถบแดง! ซึ่งสีนั้นมันช่างเข้ากับเรียวขาขาวๆ ของหล่อนจริงๆ …ไอบ้าไปมองขาเค้า! คือมันเข้ากับที่ทั้งคู่แต่งตัวอยู่ครับ กางเกงสีครีมเข้ากับรองเท้าคู่นี้มากๆๆๆๆ สิ่งนี้เลยทำให้ความอยากได้รองเท้าขาวแดงที่เคยสงบได้ตื่นขึ้นและประทุขึ้นมาอีกครั้ง
แต่! จุดหักเหครั้งใหญ่ที่สุดของชีวิตผมคือเรื่องนี้ครับ …ไม่ครับ ผมไม่ได้ติดยาแบบพุนะแม่! แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมไปเดินสยามสแควร์ครับ คือวันนั้นผมมีธุระจะไปช๊อปปิ้งเครื่องเขียนที่ร้านละมุน สยามสแควร์ ซอย 10 แล้วระหว่างการเดินทางตั้งแต่รถไฟฟ้าสถานีอโศกไปจนถึงสถานีสยามนั้น เดินลัดเลาะผ่านพาราก้อนนู่นนี่ไปจนถึงร้าน ไอระหว่างทางนี่แหละที่มันพีค! คือผมเห็นน้องๆ เด็กๆ วัยรุ่นหลายคนมากครับนับนิ้วมือรวมเท้าได้น่าจะเกือบ 37 คน ก็คือเป็นเด็กวันรุ่นธรรมดานี่แหละครับหน้าตาหล่อสวยคละๆ กันไป แต่ที่เหมือนกันที่สุดก็คือ “ทุกคนใส่รองเท้า Adidas Superstar สีขาวแถบดำ” ให้ตายเหอะแม่น้ำอเมซอน! ผมตะโกนกลางสยาม(อันนี้โม้) คือผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยครับว่าไอรองเท้าที่ผมใส่อยู่มันจะโหลได้ขนาดนี้!
ไอความโหลที่ว่านี้มันมีที่มาที่ไปนะ ตอนแรกสุดที่ผมซื้อรองเท้านี้ใส่ก็เพราะไอคลิป Youtube – adidas Original | #OriginalSuperstar ที่ดาราดังหลายๆ คนมาร่วมแสดง ไม่ว่าจะเป็น Devid Beckham, Pharell Williams หรือจะเป็น Rita Ora ซึ่งก็คิดว่าความเท่ของกระผมจัดอยู่ในกลุ่มพวกเขาเหล่านี้ผมก็เลยซื้อมาใส่ครับ ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเล้ยยย…
แต่แล้วมันก็มีไอดอลเกาหลีใส่!! เห้ย! คือผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าหนุ่มๆ หน้าตาดีนักร้องเกาหลีเหล่านี้เป็นใคร(ผมแก่จัดจนไม่รู้จัก) แต่ว่ามันมีงานคอนเสิร์ตนึงที่หนุ่มคนนี้ใส่ครับ แล้วเหล่าน้องๆ ที่น่ารักชาวไทยก็ไปเห็นเท้าเขาเข้า ก็เลยแห่กันซื้อตามจนเกลี้ยงประเทศไทยเลย เชื่อมะ? มีอยู่พักนึงที่เพจเครื่องเขียนอย่างบีบีบล็อกของผมต้องมาใช้เวลาส่วนใหญ่ตอบคำถามที่ว่า “พี่คะ รองเท้าอดิดาสขายเท่าไหร่?” “หนูจะซื้อได้ที่ไหนคะ?” “ไอสองรุ่นนี้มันต่างกันยังไง?” หรือจะเป็น “(ส่งรูป) พี่เคอะ อย่างที่คิมมูจี๊ไอดอลหนูเขาใส่อยู่นี่รุ่นอะไรเคอะ?”
…ที่จริงพวกน้องๆ ใส่ตามพี่ปอนด์บีบีบล็อกสินะ กรั่กๆ #น่าจะโดนตบให้หายมโนนะไอปอนด์
โหลเกินไปแล้ว! ความรู้สึกที่เดินไปไหนมาไหนแล้วก็มีแต่คนใส่รองเท้าเหมือนตัวเองนี่มันเจ็บจี๊ดมาก ยิ่งเจ็บมากที่มันใส่กันทั่วบ้านทั่วเมืองนี่แหละ อธิบายง่ายๆ ให้เห็นภาพก็เหมือนกับที่เราเดินไปไหนก็มีแต่คนใส่ Onisuka Tiger สุดยอดแห่งความฮิตใส่กันทั่วบ้านทั่วเมืองนั่นแหละ ผมเลยตัดสินใจขั้นเด็ดขาดว่า “ถึงจะโหล แต่ก็ขอโหลอย่างมีสตาววววลล์”
Adidas Superstar Foundation : Scarlet [ดูมั้ย?] คือรองเท้าคู่ใหม่ที่ผมคิดว่าน่าจะช่วยให้หลุดพ้นความโหลได้(อาจจะแค่สักพักนึง) คือจริงๆ มันก็ชื่อว่าสีแดง Red แหละครับ แต่ชื่อรุ่นที่เป็นทางการเค้าใช้คำว่า Scarlet เพื่อเจาะจงให้ชัดเจนถึงคู่นี้ไปเลย และจากที่เราได้อ่านรีวิวรองเท้า Adidas Superstar ไปเมื่อคราวก่อนทำให้เรารู้ว่า 2 คู่นั้นมันเป็นรุ่น Vintage 80s DLX และรุ่น Superstar II แต่จริงๆ แล้วก็มีอีกคู่นะคือ Adidas Superstar East River Rivalry Pack ซึ่งก็มีจุดแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น คำถามก็เลยมีว่า…
รุ่น Foundation นี่มันต่างจากคู่อื่นยังไงล่ะ?
โดยพื้นฐานในรุ่นปรกติคือรองเท้าพวกนี้มีพื้นฐานของการใช้สีที่เหมือนกันครับคือตัวรองเท้าสีขาว ส่วนแถบสีจะเป็นดำ แดงหรือน้ำเงิน เป็นต้น ซึ่งถ้าได้ลองกลับไปอ่านรีวิวตอนก่อนให้ดีจะเห็นว่า Adidas รุ่น Superstar II นั้นมีหน้าตาเหมือนกันกับ Foundation อย่างกับพี่น้องฝาแฝดเลย! แต่ถ้าสังเกตให้ดีๆ จะเห็นว่ามันเป็นแฝดไข่คนละใบครับเนื่องมาจาก ซึ่งจุดเด่นของรองเท้า Adidas Superstar Foundation มีดังนี้
- ด้านข้างด้านนอกของรองเท้ารุ่น Foundation จะมีโลโก้ว่า Superstar สีทองพิมพ์ติดไว้เหนือแถบสี 3 แถบ
- โลโก้ที่ลิ้นรองเท้าของรุ่น Foundation “สีแดง” จะเป็นป้ายทองแบบทะลุ แต่ Superstar II จะเป็นป้ายดำแบบทะลุ แต่ถ้าเป็น Foundation สีขาว-ดำ ป้ายจะเป็นสีทอง-ดำไม่ทะลุ (เหมือนรุ่นวินเทจ)
- หัวรองเท้า Shell toe เป็นลายกากบาทใหญ่แบบห่าง (เหมือน Superstar II)
- ลายบนส่วนพื้นรองเท้าเป็นลายใหญ่ (เหมือน Superstar II)
- ด้านในรองเท้าบุผ้า (เหมือน Superstar II)
- โลโก้ Adidas ด้านหลังข้อเท้าเป็นแบบขนาดใหญ่ (เหมือน Superstar II)
แล้วได้มายังไง?
ก่อนอื่นเลยคือผมไม่รู้เหมือนกันครับว่าในไทยนั้นมีรองเท้าคู่นี้ขายหรือไม่ แต่จากที่ลองเดินหาตามร้าน Adidas Original หลายๆ สาขาในบางกอกดู แล้วก็เอารูปเข้าไปถามพนักงานขาย ผมก็ไม่พบเห็นรองเท้ารุ่นนี่ที่เป็นสีขาวแดงวางจำหน่ายนะ พนักงานก็บอกว่ารุ่นสีนี้ไม่เข้า หรือว่าแท้จริงแล้วมันเคยมีขายแต่หมดไวมากก็ไม่รู้ครับ ผมเลยหมดหนทางที่จะซื้อในประเทศไทย (ถ้ามีนี่จะฮามากหว่ะ โฮฮฮฮฮ)
จนกระทั่งผมว่างจัด นั่งเล่นมือถือแล้วก็ดูอะไรไปเรื่อย ผมเลยลองคลิกเข้าเว็บ adidas.co.uk ดูครับว่าตอนนี้มันมีรองเท้าใหม่ลายสวยๆ อะไรขายบ้าง ซึ่งข้อดีของการสั่งรองเท้าจากเว็บ official ของเมืองนอกนั้นส่วนใหญ่จะมีรองเท้าลายแปลกๆ ออกใหม่ๆ ที่เมืองไทยไม่มีขาย บางครั้งก็มีโปรโมชั่นหรือบางคู่จู่ๆ ก็เอามาลดราคา แล้วนี่ก็ยังมีโปรลดราคาพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ด้วย(เดี๋ยวเล่า) และอีกข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือ “มีเบอร์ครึ่งให้เลือก” คือในบ้านเราเค้าจะเอาแค่รองเท้าเบอร์เต็มมาขายครับ เช่น 8 9 10 ไอผมซึ่งมีปัญหาที่เบอร์ 9 คับไป ส่วนเบอร์ 10 ก็หลวมไป ก็เลยปิ้งมากที่เมืองนอกเค้ามีเบอร์ 9.5 ขายด้วย นี่แหละข้อดีของการสั่งรองเท้า Adidas Superstar จากต่างประเทศล่ะ (แต่คู่นี้ผมสั่งเบอร์ 9 UK เพราะอยากให้กระชับๆ หน่อยหน่ะ)
แต่ข้อเสียก็มีนะ! คือเราก็ต้องยอมรับครับว่าการสั่งสินค้าพวกเสื้อผ้า กระเป๋าหรือรองเท้าพวกนี้เข้ามาในไทยจะโดนภาษีนำเข้านะ ซึ่งจะมากจะน้อยนั้นจะขึ้นกับมูลค่าของสินค้า “และดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ศุลกากร” ดังนั้นไอข้อหลังก็ถูกแพงตามระดับความซวยของแต่ละบุคคลไป กรั่กๆ และอีกข้อเสียนึงที่เราต้องเจอก็คือ ค่าขนส่งสินค้าที่แพงแน่นอนเพราะมาจากต่างประเทศนู่นเลย อีกทั้งถ้าเป็นของที่มีน้ำหนักมากหรือมีขนาดใหญ่ ราคาค่าส่งก็จะแพงขึ้นเป็นเงาตามตัวเลยล่ะครับ
ซึ่งก็ช๊อคเพราะตาผมดันไปเจอกับคู่ Adidas Superstar Foundation Scarlet นี้เข้าอย่างเต็มเปา โดยราคาขายบนเว็บนั้นเท่ากับ 67 GBP(เงินปอนด์) หรือเท่ากับ 3,580 บาทครับ แต่เพราะว่าเราเป็นลูกค้าใหม่ซื้อครั้งแรกเลยได้รับโปรลดราคา 15% ทำให้ราคาเหลือเพียง 56.95 GBP (3,045 บาท) แต่ทีนี้เอาไงเรื่องส่งดีล่ะ “เพราะมันไม่ส่งมาประเทศไทย” ทีแรกก็คิดว่าจะนั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวไปรับพัสดุที่บ้านพักตากอากาศที่อังกฤษดีมั้ย แต่พอดีสะดุ้งตื่นเสียก่อนเลยไม่ได้ไปครับ
แล้วแกสั่งยังไง?
ผมเลยใช้บริการรับหิ้วของจากเมืองนอก โดยวิธีการนั้นผมจะขอเล่าคร่าวๆ ก็คือว่า มันเป็นบริการที่รับหิ้วสินค้าจากต่างประเทศโดยที่เมื่อเราจ่ายเงินซื้อสินค้าเรียบร้อยแล้ว มันดันไม่ส่งไทยไง! เราเลยต้องเลือกที่อยู่ในการจัดส่งให้ไปลงที่ “ที่อยู่ของผู้ให้บริการรับหิ้ว” โดยผู้ให้บริการรับหิ้วของนี้จะให้ที่อยู่เราเอาไว้กรอกป้อนไปครับซึ่งเป็นที่อยู่ในต่างประเทศตามที่ให้บริการ ซึ่งข้อดีของวิธีนี้ก็คือหากบางเว็บมีการส่งฟรีภายในประเทศ เราก็จะประหยัดลงได้อีก เช่นเว็บ adidas.co.uk นี้ส่งภายในประเทศมันไม่คิดค่าส่งครับ โอ้ยดีงาม!
แล้วทีนี้พอเราสั่งซื้อ ป้อนที่อยู่และจ่ายเงินเรียบร้อย adidas.co.uk ก็จะจัดส่งรองเท้าเราไปยังที่อยู่ที่ป้อน แล้วทางผู้ให้บริการหิ้วของก็จะจัดการขอที่อยู่ของเราในประเทศไทยครับ เพื่อที่ว่า “เมื่อผู้ให้บริการหิ้วของส่งของมาถึงไทยแล้ว จะได้ส่งต่อให้เราอีกทีนึง” โดยผู้ให้บริการหิ้วของเค้าจะส่งสินค้าทั้งหมดจากอังกฤษใส่เรือหรือเครื่องบินก็แล้วแต่เค้ามายังไทยครับ ซึ่งระยะเวลานั้นโคตรไม่แน่นอนครับ บางทีไม่กี่สัปดาห์ของก็มา แต่บางครั้งนานเป็นหลายเดือนเลยก็มีนะดังนั้นต้องทำใจ และเมื่อของถึงประเทศไทยแล้ว เค้าก็จะทำการจัดส่งไปรษณีย์ไทยมาถึงบ้านเราอีกต่อนั่นเอง (กล่องมันแหลกก็ตอนในไทยนี่แหละ)
เลือกวิธีคิดค่าบริการด้วยตัวเอง
รายละเอียดเรื่องค่าบริการนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ผู้ให้บริการนะ อย่างเจ้าที่ผมใช้นั้นมีวิธีคิดค่าบริการแบ่งเป็น 2 แบบครับ คือ
- แบบที่ 1 คิดราคาตามน้ำหนักของสินค้า
- แบบที่ 2 คิดราคาตามปริมาตร กว้าง x ยาว x สูง
ไอการจะเลือกแบบไหนนั้นเราจะต้องเป็นผู้เลือกเองครับ โดยต้องคำนวณเองว่าเลือกแบบไหนถึงจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ากัน ซึ่งเราต้องคิดเอาเองนะครับ! ไม่ต้องหลังไมค์มาถามผมนะ! (เดี๋ยวยกตัวอย่างให้ฟัง)
ยกตัวอย่างรองเท้าของผมนั้น ผมมองแล้วว่าอยากได้กล่องรองเท้าด้วยเพราะชอบสะสม ชอบซื้อแบบสมบูรณ์ๆ กล่องครบ แต่เพราะว่าไอรองเท้ารุ่นนี้กล่องมันมีขนาดใหญ่ไง ซึ่งถ้าเลือกคิดค่าบริการแบบตามปริมาตร ผมต้องเสียแพงแน่ๆ โดยผมคิดว่ารองเท้าของผมนั้นมีน้ำหนักไม่เยอะมาก สุดท้ายผมเลยเลือกแบบคิดราคาตามน้ำหนักนั่นเองซึ่งถูกกว่าแน่ๆ
ดังนั้นเมื่อแจกแจงมาแล้ว ค่าบริการหิ้วของของผมนั้นโดนไป 990 บาทครับ ซึ่ง!! ข้อดีของการใช้บริการหิ้วของนั้นก็คือว่า “เราไม่ต้องเสียค่าภาษีนำเข้า” เพราะว่าทางผู้ให้บริการหิ้วของเค้าจะเสียให้เสร็จสรรพแล้วเพราะเค้าเสียภาษีตอนทำการนำเข้าแบบเป็นตู้คอนเทนเนอร์แล้ว เราจึงไม่ต้องเสียซ้ำซ้อนนั่นเอง และผมก็เสียเงินอีกทีเป็นค่า EMS ในไทยเท่านั้นครับเป็นจำนวน 100 บาท ของก็มาส่งตรงถึงประตูบ้านเลย สิริรวมทุกสิ่งทุกอย่างทำให้รองเท้า Adidas Superstar Foundation : Scarlet ของผมคู่นี้มีราคา 4,135 บาทนั่นเองงงง
…กระเป๋าฉีกสมใจความอยาก “ไม่เหมือนใคร” มั้ยล่ะไอปอนด์
นี่แหละครับคือเรื่องการอวดรองเท้าคู่ใหม่ Adidas Superstar Foundation : Scarlet ของผมอย่างเป็นทางการและวิธีการที่จะให้ได้มันมา ใครที่สนใจอยากได้รองเท้ารุ่นพิเศษๆ ที่ไม่สามารถหาได้ในไทยก็ลองมองๆ ในพวกเว็บต่างประเทศดูนะครับ แน่นอนว่าเราต้องให้มั่นใจแน่ๆ ว่าเว็บนั้นขายของแท้ขายของจริง อย่างผมนี่เข้าเว็บ adidas official ของอังกฤษก็เลยเบาใจได้ อีกเรื่องนึงที่อยากฝากไว้ก็คือเรื่องภาษีครับ เสียภาษีเป็นเรื่องปรกติกับสินค้าประเภทเสื้อผ้ารองเท้าครับ ถ้าคิดจะสั่งจากต่างประเทศต้องทำใจไว้ระดับหนึ่งว่าโดนแน่ๆ จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับมูลค่าและการประเมินของเจ้าหน้าที่ ใครอยากจ่ายเบาหน่อยก็ลองหาบริการรับหิ้วได้ครับ ซึ่งรีวิวตอนนี้ผมจะไม่แนะนำนะว่าเจ้าไหนหิ้วมาเพราะคุณต้องหาข้อมูลเองและเลือกเจ้าที่น่าเชื่อถือ หาเจ้าที่ทำงานดีหรือให้เพื่อนแนะนำให้ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ให้เพื่อนหิ้วเข้ามาก็ได้ครับจะได้ของที่ราคาถูกสุดๆ ได้ทั้งรองเท้าที่ถูกใจ แถมยังมีเบอร์ครึ่ง .5 ด้วยนะ รับรองว่าคุณจะได้รองเท้าคู่โปรดที่ยากที่จะมีใครเหมือนแน่นอนครับ