เพื่อนๆ คิดเหมือนแชมหรือเปล่าคะ เดือนพฤศจิกาปีนี้มาถึงเร็วจริงๆ หลังจากนี้เดินตามห้างสรรพสินค้าก็คงมีแต่สินค้าน่ารัก กระจุกกระจิก ออกมาเรียกเงินในกระเป๋าของเราให้ไปเป็นของคนอื่นจนเกลี้ยงกระเป๋า เพราะเริ่มเป็นช่วงเตรียมตัวเข้าสู่เทศกาลแห่งของขวัญและการ์ดอวยพร ที่เขาเรียกอะไรนะคะ ซี ซี … อ้อ ซีซั่นกรี๊ตติ้ง (Season Greeting) และแน่นอนว่านอกจากมิตรภาพดีๆ จากการมอบของของขวัญแล้ว ถ้ามีการ์ดห้อยประดับ เขียนคำความหมายดีๆ เข้าไปด้วยอีกหน่อย คุณค่ามันจะเพิ่มเติมมหาศาล เอาล่ะสิ ทีนี้ต้องตามหาคนลายมือสวย ความมั่นใจสูงมาช่วยเขียนการ์ดแทน

ตัวช่วยอีกอย่างก็คือหาตัวอย่างมาเป็นต้นแบบในการเขียนคำเด็ด วลีดัง พอไปลองหาตัวอย่างแชมแอบเห็นในอินสตาแกรมเขามีเทคนิคการเขียน Calligraphy หลายแบบเลยล่ะคะ แต่ด้วยความที่บีบีบล็อกเป็นศูนย์รวมความไฮโซ (ไอปอนด์มันคิดอย่างงั้น…) แชมก็เลยอยากได้อะไรที่มันดู เลื่อมๆ มันๆ วิบวาว เห็นแล้วตาโต Calligraphy ที่แชมอยากเอามาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังก็เลยลงเอยที่ Embossing Calligraphy สุดยอดเทคนิคกาวผสมผงสี ระเบิดตูมในทุ่งข้าวสาลี กลายเป็นอักษรวิจิตรเลื่อมพราย ประดุจกระดาษพิมพ์ฟอล์ย (Foil) เฮ้ย!!!! สะกิด สะกิด กลับมา เพ้ออีกแล้วนะเรา

ก่อนจะเข้าเรื่องแชมของเล่าน้ำพอเป็นกระสัยนิดนึง เจ้าเทคนิค Calligraphy เริ่มต้นเดิมทีก็คือการประดิษฐ์ และการเขียนอักษรลงในกระดาษหรือสืออื่นๆ เพื่อเป็นการจดบันทึกเรื่องราว และความรู้ ย้อนไปถึงสมัยกรีกโรมันกันเลยทีเดียว ความรู้ที่ดูศักดิ์สิทธิ์ควรค่าแก่การจดบันทึกมักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนา คัมภีร์ต่างๆ ล้วนแล้วแต่ต้องการแรงงานมีฝีมือ กล่าวคือลายมือสวย ในการจดบันทึก คัดลอกคัมภีร์ เผยแพร่ศาสนาให้เป็นที่รู้จัก สำหรับในภูมิภาคเอเชีย การเขียนพู่กันจีน ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคการเขียนอักษรวิจิตรเช่นกัน

ดังนั้นอักษรศิลป์ อักษรวิจิตร หรือที่เพื่อนรู้จักกันเป็นอย่างดีในคำภาษาอังกฤษคุ้นปาก Calligraphy เป็นการบรรจงเขียนตัวอักษรให้งดงามตามแต่ความสร้างสรรค์ของตัวผู้เขียน มีลักษณะเฉพาะอยู่ 3 แบบด้วยกัน นั่นก็คือ การเขียนอักษรสัญลักษณ์ให้สวยงาม เหมือนอย่างที่เพื่อนๆ เคยเห็นในคัมภีร์คริสตศาสนาสมัยโบราณ อย่างที่ 2 คือ การเขียนด้วยลายมือทีสวย คือการคัดลายมือนั่นเอง และอย่างที่สาม 2 ประการข้างต้น ต้องเป็นตัวหนังสือที่เขียนด้วยมือนั่นเอง นอกจากนี้ปากกาในการเขียนอักษรวิจิตร ระดับมืออาชีพยังมีรูปแบบเฉพาะ เรียกเป็น Oblique Pen อีกต่างหาก แต่สำหรับเด็กบ้านๆ อย่างแชมคงต้องพึ่งปากกาคอแร้งที่ร้านสมใจดูจะเหมาะสมกว่า

Embossing Calligraphy

ถ้าเพื่อนๆ เคยผ่านตาพวกการ์ดเชิญงานแต่งงาน ก็คงจะคุ้นตากับความบรรจงเลิศอลังของตัวอักษรสีทองที่หางยาวเกี่ยวพันกันไปมา ที่เกิดจากเทคนิคการพิมพ์ฟอล์ยด้วยหมึกพิเศษ ซึ่งราคาแพง ไม่เหมาะสำหรับการเขียนการ์ดอวยพรปีใหม่เพียงไม่กี่ใบ ดังนั้นการเขียน Calligraphy Embossing ดูจะเป็นทางเลือกที่ถูกกว่า และสนุกสนานกว่านั่นเอง

จะว่าไปเพื่อนๆ คงสงสัยว่า Embossing Calligraphy คืออะไร เอาจริงๆ มันก็คือเทคนิคในการเขียนอักษรวิจิตรอย่างหนึ่งโดยอาศัยคุณสมบัติของอุปกรณ์ที่นำมาใช้ ทำให้ได้ผลลัพท์ที่สวยเด่นกว่าการใช้หมึกธรรมดาเขียน เอาเป็นว่า ตัวหนังสือของเราจะสวยเด่นเป็นสง่า เงาวิบวับ ดูแพงขึ้นมาทันตา แค่มีอุปกรณ์ตามด้านล่างนี้เท่านั้น ส่วนฝีมือแชมเชื่อว่าเพื่อนๆ มีเป็นทุนกันอยู่แล้ว

รวบรวมอุปกรณ์!

อุปกรณ์สำหรับการเขียนอักษรลายนูน ก็มีดังนี้

Embossing Pen
Embossing Powder
Heat Tool

ในเมื่อเรารู้จักชื่อว่าอุปกรณ์มีอะไรบ้าง ว่าแต่มันคืออะไรล่ะ? งั้นเราดูไปทีละตัวกันเลยดีกว่า

1. Embossing Pen

ปากกาที่ผลิตด้วยน้ำหมึกพิเศษ มีคุณสมบัติแห้งช้า และไม่มีสี ลักษณะของปากกามีให้เลือกหลายขนาด ทั้งหัวเล็ก หัวใหญ่ หัวพู่กัน หรือหัวตัด รวมไปถึงยังมีในรูปแบบของถาดน้ำหมึกสำหรับงานตราปั้มต่างๆ อีกด้วยแหละค่ะ

ปากกา Embossing Pen ทำจากน้ำหมึกพิเศษ ทำให้แห้งช้า เหมาะกับการนำมาใช้กับ Embossing Powder ที่มา : littlecoffeefox.com

2. Embossing Powder

ผงเม็ดสี ที่เราใช้สำหรับโรยลงบนลายเส้นของปากกา Embossing Pen นับว่าเป็นอุปกรณ์หัวใจสำคัญเลยกว่าได้ค่ะ ขนาดผงสีก็มีให้เลือกหลายขนาด แต่สำหรับงานเขียนอักษรวิจิตรแนะนำว่าควรใช้ผงสีแบบละเอียดพิเศษ (extra fine-grained powders)

Embossing Powder ผงสีสำหรับโรยลงบนงานเขียน Calligraphy มีสีให้เลือกมากมาย แต่สีที่ได้รับความนิยม คือ สีทอง สีเงิน สีขาว และสีดำ ที่มา : craftsy.com

3. Heat Tool

อุปกรณ์ให้ความร้อนแบบพกพา ขนาดกระทัดรัด วัตถุประสงค์คือการทำให้เจ้าผง Embossing Pen หลอมละลายจนได้ลายเส้นมันวาวเป็นเนื้อเดียวกันนั่นเอง

Heat Tool เครื่องมือให้ความร้อน หลอมเม็ดสีให้ละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วยังเพิ่มนูนให้กับตัวอักษรของเราอีกด้วย ที่มา : craftsy.com

นอกจากอุปกรณ์จำเป็นทั้ง 3 ชนิดแล้ว เพื่อนๆ อาจจะมีอุปกรณ์เสริมเป็น กระดาษรองสำหรับเท Embossing Powder ส่วนเกินออก พู่กันแห้งสำหรับปัดผงฝุ่นส่วนเกิน ตัวคีบหนีบกระดาษ เพื่อความปลอดภัยเวลาใช้ Heat Gun ไม่ให้ความร้อนโดนมือของเรา เท่านั้นเองแหละค่ะ อ้อ แชมลืมสิ่งสำคัญอีกอย่างได้ยังไงกัน กระดาษค่ะ เพื่อนๆ ต้องเลือกกระดาษที่เจ้าหมึกใน Embossing Pen เขียนติดด้วยนะคะ ถ้าเขียนไม่ติดผงสีติดกระดาษไม่สม่ำเสมอมันจะไม่สวยเอานะคะ

เริ่มเขียนกันเลย

ขั้นที่หนึ่ง

ถ้าเพื่อนๆ หาอุปกรณ์ครบแล้ว ก็เริ่มจากการเลือกกระดาษได้เลยค่ะ แล้วก็อย่าลืมหาคำคม หรือคำอวยพรให้ถูกใจเสียก่อน ลองเขียนด้วยดินสอนร่างเอาไว้ก่อน ออกแบบให้สวยงามจนพอใจ เสร็จแล้วเราก็เริ่มใช้ปากกา Embossing Pen ได้เลยค่ะ ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความแม่นยำนิดนึงนะคะ เพราะว่าต้องเผื่อเวลาก่อนที่หมึกจะแห้งไปด้วยนะคะ

ขั้นที่สอง

เมื่อเขียนจนพอใจแล้ว เราก็ต้องมาเริ่มขั้นตอนสำคัญ นั่นก็คือเปิดกระปุกเจ้า Embossing Powder ออกมาโรยเลยค่ะ โรยให้เต็มพื้นที่ที่เราเขียนตัวอักษร แล้วค่อยเทเจ้าผงสีออกจากกระดาษค่ะ ถ้ายังมีเศษส่วนเกินก็ใช้พู่กันค่อยๆ ปัดออกได้เลยค่ะ แต่อย่าเผลอไปปัดตรงส่วนที่เป็นตัวอักษรนะคะ เอาแค่ส่วนเกินที่เราไม่ต้องการออกเท่านั้นค่ะ แต่ถ้าไม่มีพู่กันก็ไม่เป็นไรนะคะ

ขั้นที่สาม

เอาล่ะค่ะ เพื่อนๆ มาถึงจุด Climax แล้วค่ะ ใช้เจ้าตัว Heat Tool เป่าความร้อนไปที่ตัว Embossing Powder บนกระดาษค่ะ เจ้าผงสีจะค่อยๆ ละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นตัวอักษรนูนต่ำสมชื่อ Calligraphy Embossing จริงๆ นะคะ

หวังว่าเพื่อนๆ คงจะมีไอเดียการเขียนการ์ดสวยๆ เอาไว้แจกพ่อแม่ญาติพี่น้อง ผองเพื่อนในเทศกาลแห่งความช่วงปลายปีนี้นะคะ เพราะระหว่างที่หายหน้าไปแชมก็แอบซุ่มทำการ์ด ทำซองกฐินเอาไว้บอกบุญหลังออกพรรษาเช่นกันค่ะ ทำบุญชาตินี้ เอาไว้รวยชาติหน้า เครื่องเขียนโลกหน้าต้องแพงแน่ๆ เลยค่ะ ออกนอกโลกอีกแล้วแชมหนีรองเท้าตาปอนก่อนนะคะ ฟ้าวววว