“คุณหมอครับ ผมเริ่มรู้สึกว่าปากกาหมึกซึมแบบธรรมดาๆ ทั่วไป ไม่สามารถเติมเต็มความกระหายอยากในการใช้ปากกาหมึกซึมแบบใหม่ๆ ของผมได้แล้วครับ” นายปอนด์…แอดมินเว็บห่วยๆ บีบีบล็อกพูดขณะที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้
คำถามนี้เกิดขึ้นในห้องตรวจคนไข้ของจิตแพทย์สาวแว่นคนสวยที่นายปอนด์ แอดมินเว็บห่วยๆ บีบีบล็อกได้บังเอิญไปพบเจอเข้าโดยบังเอิญที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งกลางเมืองหลวงของประเทศไทย…บางกอก ก่อนหน้านี้ไอแอดมินนี่มันก็ไม่เคยหรอกนะที่จะมีปัญหาอะไรกับปากกาหมึกซึม ก็เห็นมันซื้อจังเลย! วันก่อนก็ด้ามนึง วันนี้ก็มาอีกแล้วกล่องพัสดุ ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไรจนถึงขั้นที่ต้องมานั่งกลุ้มใจปรึกษาหมอ
“ก็แค่อยากหลีหมอสาวไง แกล้งป่วย จบมะ?” ไอปอนด์หันมาตอบคุณผู้อ่าน
แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันก็พอมีเชื้ออยู่บ้างนะ ใช้ปากกาหมึกซึมลามี่ที่รักหรือปากกาด้ามอื่นๆ ไปนานๆ เข้าก็เริ่มเกิดความรู้สึกที่จะอยากทดลองหรือค้นหาอะไรใหม่ๆ ไม่ว่าจะแปลกใหม่ในด้านระบบกลไกเหมือนอย่างปากกา TWSBI Eco หรือว่าจะแบบหน้าตาฉีกแนวจากพลาสติกเดิมๆ อย่าง Online Germany : Newood ลองเปลี่ยนสไตล์ดูบ้างเพื่อเพิ่มความหลากหลายในชีวิต
“คุณปอนด์ชอบ ‘หนัง’ ไหมคะ?” คุณหมอสาวหันมาจ้องตาผมด้วยแววตาที่แลดูสนุกสนานปนซุกซน
“เอาละเว้ยยยยยย! คราวนี้จะได้ลองชุดหนังโซ่แส้ ฮาร์ดคอร์ กอ ไก่ แล้ววววว!!!!” ไอแอดมินเว็บห่วยๆ คิดในใจพลางทำหน้านิ่งฝืนไม่ยิ้มแต่ใจมันกลับเต้นรัวๆๆ
“คือหมอหมายถึงปากกาที่มีส่วนประกอบเป็นหนังค่ะ เผื่อจะช่วยให้หายโง่ อุ๊ย! หายเบื่อได้บ้าง” เหมือนคุณหมอจะอ่านใจได้เลยชิ่งบอกก่อน
“อะ…อ่อ ครับผม สนใจครับ ไม่ทราบว่ามันคือปากกาอะไรเหรอครับ?”
“ปากกาหนังที่หมอพูดถึงนี้มันก็คือ Faber-Castell Basic Black Leather ยังไงล่ะคร๊าาาาา!!!!” แล้วหมอจะตะโกนทำไม?! กุตกใจ!!
Faber-Castell Basic Black Leather fountain pen [คลิกดูมั้ย?] คือปากกาหมึกซึมด้ามหนังที่ชื่อยี่ห้อเราต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตากันมาอย่างยาวนาน ในบ้านเรานั้น Faber-Castell จะดังสุดๆ ก็คือพวกดินสอสีไม้ครับที่น้องๆ หนูๆ ลูกเด็กเล็กแดงต่างก็จะต้องเคยลองเคยใช้กันมาบ้าง นอกจากนั้นของที่เด็ดๆ ในบ้านเราก็จะเป็นดินสอกดรุ่นประหยัดราคาไม่แพง สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงสินค้าอีกชนิดที่เป็นของ Faber-Castell แท้ๆ จากประเทศต้นกำเนิดให้ได้ยลกันครับ
Faber-Castell นั้นถือกำเนิดเกิดขึ้นในปี 1761 เป็นบริษัทเครื่องเขียนแท้ๆ จากประเทศเยอรมนี เริ่มต้นมาจากช่างทำตู้นามว่า Kaspar Faber ซึ่งตอนแรกแกก็ไม่ได้มาทำอะไรพวกเครื่องเขียนหรอกนะ แต่ใช้เวลาว่างจากงานมาทำดินสอในนามของตัวเองครับ แล้วก็ดังไง ประสบความสำเร็จมากมายจนสามารถตั้งตัวสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองได้ จนกลายมาเป็นแบนด์เครื่องเขียนระดับโลกที่ไม่มีใครจะไม่รู้จักอย่าง Faber-Castell ที่มีสินค้าหลากหลายมากมายจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นปากกาลูกลื่น ปากกาหมึกซึม ดินสอ ยางลบ มาร์คเกอร์ สีไม้ สีเทียน โอ้ยยยยย ทำไมมันเยอะ! แต่เอาเป็นว่าที่เราสนใจในวันนี้เป็นปากกาหมึกซึมราคากลางๆ ที่หน้าตาสวยงามราวกับซุปเปอร์สตาร์ Hollywood กัน
แกะกล่อง
กล่องของปากกา Faber-Castell Basic Black Leather ด้ามนี้เราจะเรียกว่ายังไงดีครับคุณหมอ? เรียกว่า ธรรมด๊าาาาาาธรรมดาาาาาาได้มั้ยอ่ะ? คือมันเป็นกล่องกระดาษสีเทาด้านๆ บางๆ นี่แหละครับที่มีฝาเปิดได้จากด้านบน ภายในกล่องก็จะมีเพียงแค่ปากกา Faber-Castell มาให้ 1 ด้าม ถูกบรรจุอยู่ในซองพลาสติกใสป้องกันให้ปากกาดูนิ้งตั้งแต่ออกมาจากโรงงาน
หน้าตาโดยรวม
ตัวปากกา Faber-Castell นั้นเป็นรุ่น Basic Black Leather ซึ่งเน้นความเรียบแต่เท่ด้วยการใช้สีในส่วนหลักๆ เป็นสีดำเข้ม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของปลอกปากกา และตัวด้าม และทำการตัดด้วยความเป็นโลหะที่ดูเข้ากับสีดำในส่วนของคลิปเหน็บกระเป็าเสื้อและส่วนก้นของปากกา
จุดเด่นที่สุดของรุ่นก็คือตัวด้ามปากกาที่เป็นสีหนังเทียมสีดำหุ้มตัวด้ามที่เป็นโลหะอยู่ภายนอก ซึ่งไม่ใช่แค่เอาแผ่นหนังมาทากาวแล้วแปะก็จบนะ แต่เมื่อพลิกดูด้านใต้เราจะเห็นว่ามีการใช้ด้ายสีดำเย็บปิดรอยเชื่อมของหนังเข้าด้วยกันด้วย ทั้งนี้ผมมองว่านอกจากเพื่อความแข็งแรงกันหนังหลุดร่อนแล้ว แต่ไอรอยด้ายเย็บนี้มันเป็นการเพิ่มความเท่ให้กับปากกามากขึ้นไปอีก ดูเหมือนพวกกระเป๋าที่ทำจากหนังไงที่มีด้ายเย็บนูนๆ เป็นเอกลักษณ์
ปลอกปากกานั้นดูบวมนูนและยาวทีเดียวครับเมื่อเทียบกับสัดส่วนของปากกา ตัวปลอกนั้นใช้วัสดุที่เป็นโลหะแต่น้ำหนักเบา ภายนอกจะเคลือบผิวให้ความรู้สึกถึงยางซิลิโคนด้านๆ สัมผัสแล้วเนียนมือดี บนปลอกนั้นจะมีการปั้มลึกเป็นโลโก้ของ Faber-Castell เส้นคมชัดมาก ดูสวยงามงานเนียบ บนปลอกสีดำนี้ตัดสีด้วยการใช้คลิปเงินเงาวับเป็นเส้นตรงขอบมนโค้งยาวลงมาซึ่งเรียบและหรูมาก เมื่อเหน็บกับกระเป๋าเสื้อ ปลายด้านบนของปลอกปากกาก็จะโผล่ขึ้นมานิดเดียวเอง เท่!
ฝาแน่นมาก!
ดึงสิครับจะรออะไร! ฮึบๆๆๆ ไม่ออกหว่ะ…ฮึบๆๆ ผัวะ! ออกล่ะครับ คือที่เขียนแบบนี้เพราะผมอยากสื่อว่าปลอกปากกาของ Faber-Castell Basic Black ด้ามนี้มันแน่นมากๆ เลยนะ เป็นปลอกปากกาแบบดึงปรกตินี่แหละครับแต่มันแน่น ซึ่งไอความแน่นนี้มันก็ดีตรงที่เราไม่ต้องมากังวลว่าปลอกจะหลวมจนฝาร่วงเลยพื้น แต่ยังไงๆ เวลาที่ดึงปลอกก็หามุมข้อศอกกันดีหน่อยนะเพราะต้องออกแรงดึงเพิ่มขึ้น เดี๋ยวดึงงแล้วศอกไปพาดคอคุณหมอสาวแว่นเข้าแล้วจะหาว่าไม่เตือน (รู้นะว่าอ่านถึงตรงนี้ พ่อบ้านหลายๆ คนเริ่มวางแผนแล้วล่ะ กรั่กๆๆ)
มือจับ
เมื่อดึงปลอกปากกาออกมาแล้ว ในส่วนของมือจับนี่เตะตาผมจริงๆ ใช้พื้นผิวแบบยางซิลิโคนกันลื่นเหมือนกับผิวของปลอกปากกาเลยครับช่วยให้สามารถจับได้ถนัดมือไม่ลื่นง่าย อีกทั้งบนส่วนของมือจับยังทำเป็นร่องเส้นวงกลมรอบในระยะห่างที่เท่าๆ กัน เป็นการออกแบบที่ง่ายและดูดีกว่าปล่อยทิ้งไว้เรียบๆ
สมดุลและน้ำหนัก
สมดุลเป็นอีกเรื่องที่ผมสนใจในปากกา Faber-Castell Basic Black Leather ด้ามนี้ เมื่อเปิดปลอกปากกาออกมาแล้วลองจับถือดู ผมรู้สึกว่าปลายปากกาด้านหัวมันเบาๆ ครับ เพราะว่าปากกาด้ามนี้ตัวด้ามใช้เป็นโลหะทั้งหมดแล้วหุ้มด้วยแผ่นหนังสีดำบางๆ เท่านั้น ลองถอดปลอกแล้ววางบนนิ้วดูก็เลยทำให้รู้ว่าจุดสมดุลคือตรงไหน แต่ทั้งนี้มันไม่ได้ถ่วงไปยังก้นปากกาจนหน้ายกเหมือนรถตุ๊กตุ๊กซิ่งนะ เพราะน้ำหนักที่ถ่วงนั้นจะไปลงตรงอุ้งมือระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้พอดิบพอดีครับ ให้ความรู้สึกกระชับมือเวลาที่เขียนนั่นเอง
ปากกาตัวนี้มีน้ำหนักค่อนข้างหนักหน่อยนะต่างจากปากกาพลาสติกทั่วไปอย่างปากกาลามี่ แต่หนักที่ว่านี้ไม่ใช่หนักแบบ เว้ย! หนักเว้ย! เมื่อย! แต่เป็นน้ำหนักมาตรฐานที่เราสามารถพบได้ในปากการุ่นสูงๆ ที่มีโครงสร้างเป็นโลหะ ดังนั้นความรู้สึกที่ได้จากการจับถือคือรู้สึกมั่นคงมากนะ ไม่ก๊องแก๊งอ่ะ ถือแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นปากกาหรู ดูดี ใช้ได้ทุกงาน เมื่อลองชั่งดูก็ทำให้รู้ว่าโดยรวมมีน้ำหนักอยู่ที่ 27.5 กรัม แต่เมื่อลองถอดปลอกออกก็จะอยู่ที่ 21.5 กรัม เห้ย! ปลอกปากกาเบามากนะเพียงแค่ 6 กรัมเท่านั้นทั้งๆ ที่เป็นโลหะแข็งแรงแต่ไม่ได้หนักมากมายเลย
ความยาว
ความยาวก็เท่ากับปากกาลามี่ที่เราๆ ใช้กันอยู่อ่ะนะ และเมื่อเปิดปลอกออกมาวัดเฉพาะตัวด้ามก็ไม่ต่างกันเลย แต่เมื่อทำการโพส (posted) หรือก็คือนำปลอกปากกามาเสียบเข้าที่ก้นปากกา ความยาวก็จะโคตรยาววววเลยครับเพราะปลอกนั้นยาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และความยาวที่สามารถเสียบปลอกลงไปได้ก็เพียงแค่ 1 เซนติเมตรกว่าๆ เท่านั้นเลยทำให้ความยาวเมื่อเสียบปลอกจะยาวมาก แต่ถามว่ามันทำให้สมดุลเสียมั้ย? ไม่อ่ะ เพราะว่าปลอกนี้ถึงจะเป็นโลหะแต่ก็บางและเบามากๆ ครับ เสียบไปแล้วแทบไม่รู้สึกถึงสมดุลที่เปลี่ยนแปลงไปเลย (แต่มันยาวยื่นเตะตาคนรอบข้างเท่านั้นเอง)
nib
Faber Castell Basic Black Leather มี nib ด้วยกันทั้งหมด 4 ขนาด โดยจะเป็นขนาด EF, F, M และ B ซึ่งในครั้งนี้ผมเลือกขนาด F มาทดสอบกันครับเพราะถือเป็นขนาดที่ผมทดสอบเป็นปรกติในปากกาหลายๆ ด้าม nib ของปากกาด้ามนี้ทำมาจาก Stainless Steel โดยค่อนข้างแข็งและหนาทีเดียวล่ะ นอกจากนั้นบนตัว nib ก็ยังมีลวดลายจุดๆ สลักลงไปเพิ่มความงดงาม และที่ตรงฐานล่างจะเป็นโลโก้ของ Faber-Castell สลักไว้โคตรเท่อยู่ใต้ตัวอักษรระบุขนาด nib
ขนาดเส้นนั้นผมได้ลองเทียบกับปากกาลามี่ซาฟารีที่ใช้ nib ขนาด EF และ F ดูก็จะพอเทียบได้ว่า เส้นของ Faber-Castell จะขนาดเท่ากันกับ F ของลามี่เลยครับ ใครที่ใช้ลามี่ nib F น่าจะถูกใจกันดี ทั้งนี้ผมยังไม่มีโอกาสได้ลองขนาด EF ของ Faber-Castell นะ แต่จากเข้าไปในบอร์ดของต่างประเทศเห็นว่าให้เส้นที่เล็กทีเดียวและก็ยังคงเขียนลื่นครับ เอาไว้ยังไงถ้ามีโอกาสได้รับด้ามอื่นมาจะเอามาทดสอบให้อ่านกันอีกทีนะ
ระบบหมึก
หมุนปากกาถอดออกเพื่อดูว่าเติมหมึกยังไงก็จะเห็นว่า ในด้ามปากกานั้นมีอะไรไม่รู้เป็นแท่งขาวๆ ขุ่นๆ คล้ายหลอดหมึกเสียบมาด้วย แต่ว่าไอหลอดนี่มันไม่ใช่หลอดหมึกนะ! เค้าใส่มาเพื่อ…อะไรก็ไม่รู้ครับ แต่ว่าภายในด้ามนั้นก็จะมีหลอดหมึกแบบ refill สีน้ำเงินให้มาด้วย 1 หลอด นั่นหมายความว่าถ้าใช้หมึกแบบ refill ก็จะสามารถเก็บหลอดหมึกไว้ในด้ามได้ 2 อันนะ เผื่อเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินงี้ วิธีใส่ก็ไม่มีอะไรยากครับ ดันหลอดหมึกด้านที่ปลายมันเล็กๆ ที่มีลูกบอลกั้นอยู่เข้าไปในส่วนหัวปากกา เพียงเท่านี้ก็เป็นอันพร้อมใช้งานล่ะ
แล้วถ้าอยากใช้หมึกตามใจฉันจะทำยังไง? หลอดสูบหมึก ink converter ที่ใช้กับปากกา Faber-Castell Basic Black Leather ด้ามนี้เป็นแบบ standard international converters ครับหรือก็คือแบบมาตรฐานที่ใช้กันปากกาหมึกซึมหลายๆ ด้ามของต่างประเทศ เป็นระบบหมุนสูบเหมือนลามี่นั่นแหละ ซึ่งแน่นอนว่าจะเติมโดยวิธีเอาหัวปากกาจุ่มลงในขวดหมึกแล้วสูบ จะเอาเฉพาะปลายหลอดสูบจุ่มหมึกก็ได้หรือจะเอาเข็มฉีดยาฉีดเข้าไปตรงๆ เพื่อไม่ให้เลอะเทอะก็ได้นะ อ้อ! หลอดสูบหมึกต้องซื้อแยกต่างหากนะเพราะเมืองนอกเค้าไม่แถมครับ
ลองเขียน
ความรู้สึกของผมเวลาที่ใช้เจ้าปากกา Faber-Castell Basic Black Leather ด้ามนี้เขียนคือความมั่นคงครับ มั่นคงที่ว่านี้คือนอกจากเรื่องการจับถือและน้ำหนักรวมถึงการประกอบแล้วแต่ผมยังรวมถึงเรื่อง nib ด้วย nib ของปากกาด้ามนี้เป็น stainless steel ซึ่งแข็งพอสมควร ไม่ค่อยยืดหยุ่นเลยแม้จะออกแรงกดลงไปมากก็ตาม ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าการที่ไม่ยืดนี่ไม่ดีนะแต่มันหมายถึงว่ามันจะให้เส้นที่ค่อนข้างคงที่ ไม่มีน้ำหนักที่เพิ่มหรือลดตามน้ำหนักมือ (ไม่มี line variation) เหมาะสำหรับคนที่เน้นเขียนแบบไม่ต้องการเส้นเล็กเส้นน้อย เอาไว้ใช้วาดภาพก็จะให้เส้นที่เท่ากันโดยตลอด ส่วนเรื่องความลื่นในการเขียนนั้นก็ไม่ต้องห่วงครับ เขียนลื่นดีตามมาตรฐานปากกาหมึกซึมทั่วๆ ไปครับ
การส่งหมึกล่ะ? ink feed ส่งหมึกให้ในระดับปรกติครับ หมึกไม่ไหลท่วมทุ่งเยอะแต่สามารถเลี้ยงปากกาหัวขนาด F ได้ดีไม่มีอาการหมึกไม่ไหลหรือเส้นขาดตอน แต่เพราะความที่ปากกาไม่ได้ส่งหมึกแบบท่วมหรือ wet ทำให้บางเส้นที่เราลากเร็วนิดนึงจะทำให้เส้นหมึกมันบางลงไปหน่อยครับ คือเส้นมันไม่เข้มนั่นเอง อย่างภาพที่เห็นอยู่นี้ผมเขียนหวัดมากมายและเร็วได้ ตัวหนังสือและสีของหมึกก็ตามอย่างที่เห็นเลยครับผม (อันนี้เขียนบนสมุด MD Notebook ของ Midori)
ทั้งนี้ผมได้ลองใช้งานเอามาสเก็ตช์รูปเล่นดูครับ ก็มีกระดาษด้วยกันหลายชนิดตั้งแต่ Khadi แบบเรียบที่พื้นผิวเป็นเส้นๆ ไม่เหมือนใคร (ไว้จะเอามารีวิวให้อ่านกันนะ) หรือจะเป็นกระดาษสมุดของ Stillman & Birn Alpha Series ที่ค่อนข้างเรียบ ก็ใช้ปากกาด้ามนี้ลงเส้นได้ดี สามารถเขียนได้ลื่นไม่มีปัญหานะ
ราคา สถานที่จำหน่าย
ผมได้รับการสนับสนุนปากกาด้ามนี้มาจากร้านปากกามิตรรักนักเขียนของชาวไทยคือร้าน fontoplumo.nl ของคุณแฟร้งค์ ขอบพระคุณครับ! เมื่อหลายเดือนก่อนแกบอกว่ากำลังจะนำปากกาหมึกซึมรุ่นใหม่ของ Faber-Castell มาลงที่ร้าน ผมก็ตื่นเต้นที่จะได้ลองอะไรใหม่ๆ เพราะอย่างที่บอกว่า Faber-Castell ในบ้านเรานั้นไม่มีปากกาหมึกซึมจำหน่ายครับ พอปากกาลงเครื่องปุ๊บแกก็ส่งให้ผมทันทีเลย โดยด้ามที่ผมเลือกนั้นเป็นด้ามที่มีชื่อว่า Faber-Castell Basic Black Leather fountain pen ราคาขายเฉพาะปากกาที่ได้รับส่วนลดจากโปรบีบีบล็อกและงดเว้นภาษี รวมไปถึงคิดค่าจัดส่งมายังประเทศไทยแล้วจะอยู่ที่ € 32.24 หรือเป็นเงินไทยคือ 1,250 บาท ซึ่งจริงๆ ไอปากกาด้ามนี้ราคาที่เมืองนอกเมืองนาก็ปาเข้าไปที่ € 37.50 หรือเกือบพันห้าแหน่ะแถมยังไม่รวมค่าส่งด้วย ดังนั้นราคา 1,250 บาทถือว่าเป็นราคาที่น่าจับจองจริงๆ เลย
อย่าลืมซื้อหลอดสูบหมึกด้วยนะ!
ต้องซื้อนะครับ เพราะว่าอย่างที่เคยบอกไปว่าปากกาหมึกซึมเมืองนอกเมืองนานั้นส่วนใหญ่จะไม่มีการแถมหลอดสูบหมึกหรือ ink converter มาให้ด้วย ดังนั้นเราก็ไปจัดการกดซะ โดยราคาหลอดหมึกจะอยู่ที่ € 4.13 หรือ 160 บาท ดังนั้นเมื่อสั่งรวมทั้งปากกาและหลอดหมึกจะสนนราคาอยู่ที่ € 35.96 หรือเท่ากับ 1,392 บาทครับ เป็นปากกาหน้าตาไฮโซที่ราคาไม่แพงเลยจริงๆ
ความเห็นของบีบีบล็อก
เรื่องการเขียนบนกระดาษและการไหลของหมึกปากกานั้นผมไม่มีอะไรต้องตำหนิเลยครับ เป็นปากกาอีกด้ามนึงที่ใช้งานได้ดี สามารถทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นสิ่งที่มองเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของปากกาด้ามนี้นั้นก็คือเรื่องความงาม
โอ้ยยยยยยย สวยโคตร! ผมทั้งใช้ทั้งลูบคลำตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็รู้สึกติดใจปากกาด้ามนี้จริงๆ ครับ ค่อนข้างหลีกหนีจากปากกาหมึกซึมทั่วๆ ไปทีเดียวล่ะด้วยการใช้หนังมาหุ้มเป็นตัวด้าม เท่และไม่เหมือนใคร แต่ทั้งนี้เรื่องหนังนี่ผมถือว่าเป็นความชอบส่วนตัวนะผมชอบหนัง บางคนอาจจะชอบแบบเรียบๆ ก็ได้ นอกจากนั้นในส่วนของปลอกก็ออกแบบให้มีความโค้งมนแต่ยังคงความป่องที่ไม่สูงเกินไปนัก ทำให้ดูดีรับกับภาพรวมของตัวปากกา นอกจากนั้นเมื่อถอดปลอกปากกามาเขียนก็ยังสวยงามในส่วนของ nib ที่ดูแพงดูมีราคา (เรื่องดูแพงต้องเน้น) จับถือก็มั่นคง ผมถือว่าเป็นปากกาครบเครื่องอีกตัวนึงที่อยู่ในระดับราคาที่ไม่แพงเลยครับกับปากการาคา 1,250 บาทด้ามนี้ ดูดีเกินราคา เหน็บไปงานประชุมสำคัญหรือจะให้ผู้หลักผู้ใหญ่เป็นของขวัญก็ดูเข้าท่าดีทีเดียวครับ
แนะนำเลยครับกับปากกา Faber-Castell Basic black leather fountain pen ด้ามนี้ หากคุณมีงบประมาณอยู่ 1,500 บาทแล้วกำลังมองหาปากกาที่ดูสุภาพ ดูเท่ และแตกต่างจากปากกาด้ามใดๆ ในท้องตลาด นอกจากนั้นมันยังเขียนดีตั้งแต่อ้อนแต่ออกด้วย หมดกังวลเรื่องเขียนไม่ลื่นไปได้เลยล่ะ นอกจากนั้นก็คือความรู้สึกแน่นและมันคงในการใช้งานอันเนื่องมาจากกระบวนการผลิตที่ดี ทำให้ปากกาด้ามนี้เรียกได้ว่าไม่มีตำหนิหรือริ้วรอยอะไรเลยที่ทำให้แลดูเป็นปากกาคุณภาพต่ำ ดูดีเกินราคาจึงเหมาะสมที่สุดถ้าจะให้พูด หากเป็นคนชอบหนังรวมถึงปากกาเท่ๆ หล่อๆ ลองหามาครอบครองดูสักด้ามนึงนะครับรับรองว่าติดใจแน่นอน
ขอขอบพระคุณ
คุณแฟร้งค์แห่งร้านปากกายอดนิยมของชาวไทย fontoplumo.nl ที่สนับสนุนปากกาหมึกซึม Faber-Castell Basic black leather มาให้ได้ยลโฉมกันครับ ผมนี่แค่ได้ลูบหนังก็ร้องซี้ดออกมาเลย ขอบพระคุณครับ!