How to Draw #2 : เรียนรู้การใช้สีน้ำและเทคนิคสีน้ำขั้นต้น

หลายคนที่ลงสีน้ำ เคยลงโคปิกหรือลงสีในคอมมาก่อน และก็คิดว่ามันคล้ายๆกัน
ซึ่งพอมาลงจริงๆ จะพบว่ามันไม่ได้คล้าย แถมยังมีความอึดอัดใจบางอย่างที่ไม่สามารถบังคับให้สีมันเข้มมันอ่อนได้ดั่งใจ
เราเป็นหนึ่งในคนที่ลงสีน้ำด้วยการ์ตูนค่ะ
ช่วงแรกที่ลงคือตอนม.ปลาย ซึ่งง่อยทั้งฝีมือและเครื่องสแกน (…คือแบบ…อายอิ๊บอ๋ายแต่ก็จะให้ดูค่ะ …)
สแกนออกมาได้ยับเยินสีเพี้ยนมาก กร๊ากก
ใช้เวลางมโข่งอยู่หลายปี สุดท้ายเจอ comment ในบล็อกเก่าไล่ไปเรียน พื้นฐานการลงสี ก็เลยเอาวะ เรียนกันดูสักตั้ง
แล้วก็พบว่ามันช่วยชีวิตได้มากจริงๆ !! เห้ย มากกกก จากสีน้ำที่เคยเป็นการลงสีแย็บๆ ปาดๆ ปื้ดๆ ไปมา กลายเป็นงานละเอียดที่สนุกขึ้นหลายเท่าที่ได้ทำ
ด้วยรักและปรารถนาดีต่อคุณผู้อ่าน โพสนี้จึงไม่ได้จะสอนแค่พื้นฐานสีน้ำ
แต่จะเป็น “พื้นฐานการเล่นกับสีน้ำให้สนุก” เพื่อ นำไปสู่การหัดวาดภาพที่สนุกขึ้น ต่างหาก
ก่อนจะวาดออกมาเป็นภาพ…
เรามารู้จักกับพื้นฐานการลงสีแบบต่างๆกันดีกว่า
อุปกรณ์ของเราในวันนี้มีแค่
- ตลับสีน้ำ (ที่น่าจะมีกันแล้วใช่มะ…. ใช่เหอะ ถ้าไม่มีให้ย้อนไปอ่านโพสที่แล้วนะ : How to Draw #1 : แนะนำอุปกรณ์วาดภาพ)
- กระดาษสีน้ำ 0ในที่นี้ใช้ Canson ผิวหยาบ 300 gsm
- พู่กัน
- ถ้วยใส่น้ำ
- ทิชชู่เช็ดพู่กัน
เท่านั้นเอง มาเริ่มกันเลยค่ะ
1. ฉาบสีเรียบ (Flat Wash)
การ ฉาบสีเรียบ เป็นพื้นฐานขั้นสุดที่เรา (เราคนเดียวหรือเราหลายๆ คน แล้วแต่จะคิด) มักจะมองข้ามไป /แหม ก็ลงสีในคอมมันเรียบอยู่แล้วนิ
ตอนที่เราเริ่มหัดวาด เราจะยังเห็นน้ำเป็นแค่สิ่งที่ทำให้สีหายแห้งกรังจากในถาด แล้วปาดลงไปในพื้นที่ที่เราต้องการเท่านั้น
ไม่ใช่ นะคะ ท่านผู้อ่านที่รัก…
สำหรับสีน้ำแล้ว น้ำคือปัจจัยที่ทำให้ภาพวาดดูมีน้ำมีนวลขึ้น ทำให้สีไม่ด่าง ไม่เน่า ไม่ขุ่น
การฉาบสีเรียบทำได้โดยวิธีดังต่อไปนี้
- แต้มสีมาผสมในที่ว่างของถาด
- ผสมน้ำในปริมาณที่เหลวพอเหมาะ : เหลวพอเหมาะคือสามารถจุ่มพู่กันลงไปอุ้มน้ำได้โดยไม่ฝืด ตรวจสอบว่าที่จุ่มนั่นจุ่มจนพู่กันชุ่มดีหรือยัง ไม่ต้องกลัวเปลืองสี มันไม่หมดเพราะเรื่องแค่นี้หรอกค่ะ ฮา
- ค่อยๆปาดเส้นหนึ่งลงไป สังเกตในภาพว่าเส้นที่ปาดลงไป ไม่ได้แห้ง จะดูชุ่มอยู่ตลอด แต่น้ำไม่เจิ่งมาก
- จุ่มพู่กัน ปาดเส้นที่ 2 เหลื่อมกับเส้นแรก ใช้หลักการเดิม
- ใจเย็นๆ แล้วปาดเหลื่อมกันไปเรื่อยๆ
- เก็บขอบอย่างอ่อนโยนดุจขนนก
*ข้อควรระวัง* อย่าไปยุ่งกับโซนที่ลงเสร็จแล้วตอนมันเปียก มันจะกลายเป็นฉาบด่าง ไม่ใช่ฉาบเรียบอีกต่อไป
ตอนที่ยังเปียกอยู่ก็อย่าเพิ่งใจเสียว่ามันไม่เรียบล่ะ!
2. ไล่สีจากหนาไปบาง (Graded Wash)
นี่คือตัวอย่างของการจุ่มสีให้ชุ่มพู่กัน
- ต้องอาศัยความใจเย็นนิดนึง หลายคนอาจจะคิดว่ามันต้องลงเร็วๆ แต่ที่จริงไม่จำเป็น ถ้าปริมาณน้ำชุ่มพู่กันพอ จะเหลือเวลาให้ลงมาก
- ปาดเส้นแรกลงไปด้วยความเข้มสีปกติแบบ flat wash
- เส้นต่อๆ มา ให้ผสมน้ำลงในสีมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าการไล่สี ไม่ค่อยต่างจากการฉาบเรียบ แค่ทุกครั้งที่คุณปาดลงไป จะต้องใช้น้ำมากขึ้น จนสุดท้ายคือใช้น้ำอย่างเดียวไม่ผสมสีเลย
3. ไล่สี 2 สี หรือมากกว่า (Variegated wash)
หรือก็คือการฉาบสีเรียบ flat wash แบบใช้หลายสีนั่นเอง
- วิธีการแทบไม่ต่างจาก flat wash เลย เพียงแต่เพิ่มจำนวนสีที่ลงขึ้นมานั่นเอง
- ลงสีแรกก่อน จากนั้น ล้างพู่กันอย่างรวดเร็วแล้วเปลี่ยนมาจุ่มสีที่2
- ปาดทับระหว่างสีเดิมตรงรอยต่อ
- ถ้าอยากให้สีคงความบางใส สีสด ควรล้างพู่กันทุกครั้งที่เปลี่ยนสีค่ะ ถ้าไม่ล้าง สีจะกลืนกัน และถ้ามันเป็นคู่ตรงข้ามแล้วกลืนกัน มันจะ…บึ๋ย 5555
- พยายามให้เนื้อสีกับปริมาณน้ำบาลานซ์กัน ถ้าเห็นว่ามันฝืดๆ ให้ผสมน้ำลงในสีมากขึ้นระหว่างรอยต่อของ สี1 กับ สี 2
- ถ้ายังทำแล้วออกมาไม่พอใจ ลองใหม่ดูนะคะ
ส่วนด้านล่างนี่คือตัวอย่างการไล่สีต่อๆ กันแบบไม่ล้างพู่กัน จะได้สวยแบบบึ๋ยๆ
ไม่ได้หมายความว่าสีจะเน่าเสมอไปหรอกนะ มันแค่จะไม่ใช่สีของตัวเองเท่านั้นแหละ เช่นสีส้มที่กลายเป็นสีน้ำตาลไปเลย เป็นต้น
ทุกอย่างสามารถประยุกต์ได้
วิธีนี้ เราจะใช้เวลาวาดภาพ galaxy ค่ะ
4. เปียกบนเปียก (Wet on Wet)
จบการ wash ไปแล้ว เข้าสู่เทคนิคเล็กน้ำ เล็กแห้ง เปียก เส้นหมี่ เกาเหลา กันบ้าง #หงาก
เปียกบนเปียก สามารถน้ำไปประยุกต์ใช้กับหลายๆ องค์ประกอบของภาพไว้ ทำให้ภาพดูมี “อะไร”
(เข้าใจคำว่า ดูมี “อะไร” ปะ 555555)
เช่น ท้องฟ้า ผืนน้ำ ภูเขา สีพื้นของกำแพงอิฐ สนิม ลายผ้า ฝนตก …โอ้ย พูดไปก็ไม่หมดหรอกนะ เอาเป็นว่ารู้ไว้ใช่ว่า ทำให้เป็น แล้วจะดีเอง
- เปียก บน เปียก ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าคือการละเลงน้ำ เมื่อลงเสร็จ จะกลายเป็น texture จางๆ ได้อารมณ์สีน้ำแท้ๆ
- ทำได้โดยการสร้าง wet area เท่าที่ต้องการ ด้วยการปาดน้ำลงบนกระดาษ
- จุ่มสีให้ชุ่มพู่กัน บรรจงหยดลงไปเท่าที่ต้องการ
- ปล่อยให้สีเป็นไปตามครรลองของมัน 55555 แค่นี้แหละ ถ้ามากไปให้ใช้ทิชชู่ซับเบาๆ
- รอให้แห้ง ห้ามไปจับมัน
5. เปียกบนแห้ง (Wet on Dry)
เปียกบนแห้ง เทคนิคที่เราชอบใช้มากๆ เป็นความลงตัวในหลายสิ่ง
เป็นเทคนิคที่มีประโยชน์ในการสร้างแสงเงาของภาพ เติมลวดลาย รายละเอียดให้ภาพ
- ชั้นที่ 1 : ลง flat wash หรือเทคนิคใดก็ได้ จะ wet on wet ไปสักเลเยอร์นึงก็ได้
- แล้วรอให้แห้ง
- ใจเย็นๆ รอแห้ง ….
- ชั้นที่2 : ใช้สีที่ เข้มกว่า เน้น เข้มกว่า ปาดทับเป็นเงาตอนที่ชั้นแรกแห้งแล้ว สามารถใช้น้ำในการเบลอขอบให้เงาดู soft ลงได้ตามอัธยาศัย
*ข้อควรระวัง* ชั้นที่2 เป็นสีที่เข้มกว่าชั้นแรกนะเพื่อนรัก จำไว้..
สีน้ำไม่ใช่ CG … มันยากตรงที่ต้องกำหนดลำดับความสำคัญของสีมาตั้งแต่แรกนี่แหละ
6. แห้งบนแห้ง (Dry on Dry)
มันช่างตรงตัวยิ่งนัก กับเทคนิคหมี่แห้งเช่นนี้ แห้งบนแห้ง คือการ stroke brush เป็นรูปเป็นร่าง โดยที่ไม่ต้องผสมน้ำเยอะ
เน้นการลงให้เห็น texture ของพู่กันค่ะ
เป็นที่นิยมในการสร้างลายไม้ ไม้ไผ่ รอยขูดขีด กิ่งไม้ต่างๆ สร้างสโตรกบรัชให้เหมือนงานสีชอล์ก และอื่นๆ
- ไม่มีขั้นตอนอะไรเป็นพิเศษ แค่ว่าจุ่มน้ำไม่ต้องชุ่มพู่กันมากเป็นพอ
- แล้วก็ปาด…
อย่าคิดว่ามันจะจบแค่นี้…
(คนอ่าน : กรี๊ดดดด จบซะทีเถ๊อะ T T )
ในเมื่อพวกท่านได้เรียนรู้เบสิคที่จำเป็นของสีน้ำไปพอสมควรแล้ว
เราเห็นว่าจะเป็นการช้าไปถ้าไม่ให้การบ้านท่านให้ต่อเนื่อง ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ปอนด์ก็ตัดจบโพสนี้ไม่ได้ค่ะ ไม่ยอมมมมม
พูดกันตามตรงก็คือ เบสิคที่สอนไปข้างบน ท่านสามารถฝึกจบรวบรัดได้ภายในชั่วโมงเดียว …เชื่อไหม หัดยังไงก็ชั่วโมงเดียว (แบบไม่หยิบมือถือขึ้นมาเล่นไลน์ เล่นทวิตน่ะนะ กร๊าก)
เพราะงั้นอย่าปล่อยให้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา เสียไปเปล่าๆ กับการเวลารอ 1 เดือนเพื่อบทเรียนถัดไป
เรามาวาดอะไรกันเลยดีกว่า ♥
เช่น…. อะไรที่อยู่ในบ้านท่าน ที่เป็นทรงเรขาคณิต วาดง่ายๆ
“ส้ม” ละกัน!!
*หมายเหตุ* ว่าจะใช้ส้มในครัว แต่ส้มที่บ้านนุ้งเคียช้ำขั้นสุดแล้ว ไม่สามารถหยิบมาเป็นตัวอย่างในการวาดใดๆ ได้ หากท่านต้องการฝึกกับของจริง สามารถหาวัตถุทรงเรขาคณิตใกล้ตัวท่าน
และนี่คือ random-ส้ม.jpg (จาก google.com) 5555555
- เตรียมถาดสีและกระดาษของท่านให้พร้อม
- วาดตามของที่ท่านอยากจะวาด ใครมีส้มก็วาดส้ม ใครมีกล่อง 4 เหลี่ยมก็วาดกล่อง
- พยายามลิมิตเส้นดินสอของท่านให้เป็นเส้นบางๆ เส้นเดียว ถ้าใครชอบร่างรกๆ ขอร้องให้พยายามใช้ยางลบเคลียร์เส้นให้สะอาดด้วยค่ะ
งานแรกของท่าน คือ Flat Wash
เพื่ออะไร?
เพื่อที่ท่านจะได้รู้ว่า flat wash แม่มไม่เวิร์คกับวัตถุทรงกลม 555555
มั่ยยยยย 55555 เพื่อทดสอบการคุมสีให้เรียบกับพื้นที่ที่กำหนดต่างหาก ลงยังไงไม่ให้มันมีรอยด่างตรงขอบ เก็บขอบยังไงให้เรียบ
เมื่อลงเสร็จ ท่านจะได้รับส้มแบนไร้มิติ 1 ea (เอ้าาาา)
อย่าแพนิค เราไปกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอนนะแจ๊ะ …
จากที่เห็นข้างบนก็คือ flat wash ไม่เวิร์คกับวัตถุทรงกลม /หยุดๆ…
เพื่อนรัก เธอจะเห็นได้ว่า random-ส้ม.jpg นั้นไม่ได้เป็นเพียงวัตถุ 2 เฉด ที่มีเพียง orange กับ green
เมื่อจิ้มไปจุดต่างๆ ในภาพ เราจะพบอะไรมากกว่านั้น
เอาล่ะ เพื่อนรัก เธอเห็นสีอะไรบ้าง?
ไม่ใช่แค่สีหรอกนะ
ที่ปรากฏในภาพ วัตถุในโลกจริงย่อมมีแสงและเงา จะปฏิเสธสองสิ่งนี้ไม่ได้เลยทีเดียวเชียว
(ณ จุดๆ นี้ เรารู้นะว่าคนที่วาดแบบการ์ตูนบางคนเริ่มอุบอิบในใจแล้ว อย่าเพิ๊งงงง เราไม่ได้เอาคุณมาเชือดดด มาวาดด้วยกันก่อนนน)
เอ้า ดู…
เมื่อดูแล้วก็ลองลงตามด้วยเบสิคที่เรียนด้วยกันมาข้างบน
- Wet on wet
- Wet on dry
- ไล่สีด้วยน้ำ
- ไล่สี 2 สี
ก็ว่ากันไป …พยายามใช้ให้มากที่สุด วาดให้มากกว่า 1 ภาพก็ยังได้ วาดน่าเกลียดแบบภาพข้างล่างก็ไม่เป็นไร การฝึกไม่มีอะไรผิด
ภาพนี้แรนด้อมใช้มันทุกอย่างเลย!!
แล้วเป็นไง? ….เน่า กร๊ากกกก
แต่ก็ไม่ผิด เน่าก็เอามาให้ดูอยู่ดี ที่เอามาให้ดูเพื่อจะบอกท่านว่า หลังจากพยายามเพ้นท์ตามที่เห็นไปสัก 3 – 4 ภาพแล้ว
ท่านจะเริ่มรู้เองว่า “ความพอดี” ที่ท่านต้องการนั้นเกิดจากการฝึกฝนซ้ำๆ จนพบแบบที่ตัวเองจะชอบในที่สุด
ผ่างงงงง ภาพนี้เราชอบที่สุด
random-ส้ม.jpg ที่เราพอใจที่สุด คือการใช้สีเข้มทำเงาเพียงเล็กน้อย และเน้นความสว่างของแสงเงา ไม่ให้ high- contrast จนเกินไป
ใช้น้ำสร้าง texture แบบที่ตัวเองพอใจ
เมื่อคุณได้รูปที่คุณพอใจแล้ว …… อย่าหยุดแค่นั้น
ลองเล่นกับสีนอกตำราดู
จะถามว่า เล่นยังไง? คงตอบได้เพียงว่า “อาศัยความกล้า”
เราถูกสอนมาตั้งแต่เรียนศิลปะแรกๆ ว่า สีส้มกับสีม่วง เมื่อใช้ในของกินจะมีความหมายเท่ากับ “ยาฆ่าแมลง”
แล้วไง ? แคร์มั้ย? ไม่ !!!
ฉันจะสร้างส้มเอเลี่ยนในแบบของฉัน ♥
- เลือกคู่สีให้มันโดดไปเลย Orange – Vermilion / Cobalt blue – Purple lake
- ไล่มัน 4 สีในลูกกลมๆ ลูกเดียวนี่แหละคุณ
- Voila !! ส้มเอเลี่ยนผสมยาฆ่าแมลง!!! ….มัน… ก็สวยไปอีกแบบ
จะลองกับสีอื่นไปเลยก็ได้นะ กล้าก็ลองให้หมดเลย เราจะเชียร์อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
ต่อไปเป็นการลงสีในแบบ signature ของเราแท้ๆ เลยค่ะ
งานวาดของเราใช้ wet on dry เป็นหลัก เพราะเป็นงานแนวการ์ตูนที่เน้นเส้น เน้นความชัด
รายละเอียดดังภาพ
จบไปแล้ว จบจนได้ เป็นบทที่ใช้พลังงานในการเขียนมากๆ เลยทีเดียว
และเนื่องจากเขียนหนักมาก ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอนทรี่นี้จะมีประโยชน์แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อย (มากๆ หน่อยเหอะ ขอร้อง)
สำหรับใครที่ได้หัดทำตาม ผลเป็นอย่างไร มีปัญหา อุปสรรค อยากทักท้วง อยากรีเควสเทคนิคต่างๆ ต้องการสอบถาม ต้องการส่งการบ้าน ขอเชิญส่งได้ที่ https://www.facebook.com/bbblog.sketchblog นะคะ เชื่อเถอะว่าทำตามแล้วเป็นประโยชน์ ทำเป็นแล้วงานสเก็ตช์ของคุณผู้อ่านจะสนุกขึ้นเป็นเท่าตัวเลยล่ะ
วันนี้บายค่ะ เลิฟยอล
-kia