ลองคิดจินตนาการดูนะครับ คุณได้ไปบิดปากกาลามี่ด้ามนึงบนอีเบย์ซึ่งหายากมากระดับ Rare SS ยกตัวอย่างเช่น Lamy AL-Star Bastian Schweinsteiger หรือว่าจะเป็น Lamy Safari Alpine 1980 พอลามี่ที่แสนล้ำค่าด้ามนี้ถูกส่งมาถึงมือก็ค่อยๆ หยิบขึ้นมาอย่างทะนุถนอม หมุนดูทุกซอกทุกมุมทั้งที่มือก็สวมถุงมือกันรอยด้วย แน่นอนหล่ะว่าผมเป็นคนนึงที่เป็นอย่างนั้น เวลาจะหยิบลามี่ขึ้นมาเชยชมทีนึงก็จะต้องมีผ้าไมโครไฟเบอร์มารองอยู่เสมอๆ (บ้าเนอะ) ดังนั้นเรื่องที่ว่าจะเอาลามี่สุดแรร์พวกนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันนั้นสำหรับจึงเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลย แต่สำหรับบางคนแล้วเค้ากล้าใช้ครับ แต่ครั้นจะให้ใช้ลามี่ถือโบกไปมา ใช้เสร็จก็เหน็บกระเป๋าเสื้อหรือวางบนโต๊ะเฉยๆ มันก็คงจะทำใจลำบากใช่มั้ยล่ะครับ มันต้องเป็นรอยแหงมๆ
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณผู้ชายเท่านั้นนะครับ(พูดเหมือนกับเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก) แต่ผมได้ทราบมาจากเพื่อนๆ ผู้หญิงหลายๆ คนบอกว่า “ชั้นเสียดายปากกาลามี่ชั้นมากเลย ซื้อมาใหม่ๆ มันก็เงางามสวยดีอยู่หรอกแต่ทุกวันนี้รอยแมวข่วนเต็มไปหมด” ก็ใช่นะสิครับเสื้อผ้าของคุณผู้หญิงเค้าไม่มีกระเป๋าเสื้อให้เหน็บปากกานี่ ดังนั้นเวลาจะพกปากกาลามี่ด้ามใหญ่โตขนาดนี้ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะใส่ไว้ในกระเป๋าถือ ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่ากระเป๋าถือของผู้หญิงก็รกซะยิ่งกว่าป่าอเมซอน(หรือแค่กระเป๋าแฟนผมหว่า?) เอาลามี่ใส่ในกระเป๋าก็ต้องมีแน่ที่จะไปกระทบขูดขีดกับสิ่งของนานาชนิดในป่าอเมซอนแห่งนี้ กุญแจเอย กำไล แปรงหวีผม ที่ดัดขนตา หรือจะเป็นที่เปิดขวดน้ำอัดลมก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดรอยข่วนกับลามี่สุดรักของเราแทบทั้งสิ้น (ว่าแต่พกที่เปิดขวดนี่…แฟนแกเป็นเด็กเชียร์เบียร์ร้านหมูกระทะหรือไงฟระ?!!)
ในที่สุดพระเจ้าแห่งปากกาลามี่ก็มาโปรดพวกเราแล้วครับ เรื่องมันมีอยู่ว่าหากใครจำได้ว่าราวๆ 1 เดือนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเยือนบางกอกเมืองเครื่องเขียนโลก(น..แน่ใจนะ?) ผมก็ได้คุณ @kangg นี่แหละครับพาไปช๊อปพาไปเสียเงินที่ Central World ร้านหนังสือ Asiabook โดยจุดประสงค์แรกที่ผมไปที่นี่นั้นก็คือผมจะมาตามหาสมุดในตำนานครับ…ซึ่งเร็วๆ นี้ก็จะได้อ่านกันนะ หยิบสมุดเสร็จสรรพเดินออกมาพร้อมจะจ่ายเงิน พระเจ้าแห่งปากกาลามี่ก็ได้ส่งกระแสจิตมาดลใจผม จู่ๆ ผมก็เหลียวหลังไปมองที่ชั้นวางเครื่องเขียนฝั่งซ้ายมือ “ซี้ดดดดดด! น้องหมวยบางกอกคนนั้นขาวน่ารักเอ็กเซ็กต้ามากกกก!!” ผลัวะ!! ………ผมหันหลังกลับไปแล้วสายตาก็สบกับสิ่งๆ หนึ่งเข้าครับ มันก็คือซองใส่ปากกาครับ!! ซองแต่ละซองวางสลอนหลากสีอยู่บนชั้นวางซะน่ารักน่าหยิบเชียว ผมไม่รอช้าปรี่เข้าไปที่ชั้นแล้วก็เลือกดูอยู่หลายนาที จนในที่สุดผมก็เลือกได้ซองใส่ปากกาสีน้ำตาลอันนี้มาครับ
Labrador Pen Case คือเจ้าซองใส่ปากกาที่ว่านี้ครับ ผมซื้อจากร้านหนังสือ Asiabook มาในราคา 320 บาท ผมลืมถามไปว่าถ้าเป็นสมาชิกจะได้ลดหรือเปล่านะ ใครไปซื้อก็ลองถามเค้าดูด้วยนะ ซึ่งก็ถือว่าราคาไม่แพงเลยนะครับเพราะผมเคยลองหาซองใส่ปากกาแบบนี้ที่ทำจากหนังแท้มาแล้วทั่วโลกและส่วนใหญ่ก็แพงๆ ทั้งนั้น ยิ่งของญี่ปุ่นด้วยแล้วเฉพาะซองก็พันบาทขึ้นล่ะครับ พลิกตัวซองผลิตจากหนังแท้ครับ ย้อมสีด้วยสีสูตรน้ำที่บางมากเพื่อคงไว้ซึ่งสัมผัสที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นผู้ผลิตเค้ายังบอกด้วยว่าได้ออกแบบโดยคำนึงถึงการลดของเสียที่เกิดจากการผลิตให้น้อยที่สุดด้วย นั่นก็เพื่อจะเป็นการลดการเบียดเบียนทรัพยากรธรรมชาติยังไงล่ะครับ (โอ้ววว พูดเหมือนณเดชน์มาเองเลย!!) อีกสิ่งหนึ่งที่ผมภูมิใจที่สุดนั่นก็คือ ยี่ห้อนี้เป็นของคนไทยครับ! ออกแบบ ผลิตและจัดจำหน่ายโดยคนไทย ส่งไปขายต่างประเทศด้วยนะเอ้อ! ที่จริงเค้ามีสินค้าหลายอย่างนี้ลองเข้าไปดูที่เว็บกันนะ www.labradorfactory.net
หลังจากเสียทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เดินหงอยๆ ออกมาจากร้านครับ พอกลับถึงที่พักผมก็ไม่รอช้าที่จะหยิบขึ้นมาชื่นชม แต่! ผมชื่นชมแค่เพียงภายนอกเท่านั้น ยังไม่ได้ทดลองใช้จริงแต่อย่างใดเพราะกะว่าถ้ากลับถึงรังโจรเชียงใหม่เมื่อไหร่ถึงค่อยจัดเต็ม!
ฟ้าววววว ถึงเชียงใหม่แล้วครับ บรรจงแกะซองพลาสติกที่ห่อหุ้มตัวซองนี้แล้วก็หยิบออกมาช้าๆ สัมผัสแรกที่คิดได้ก็คือ “ซองมันเป็นหนังจริงๆ หว่ะ” ใช่ครับก็มันทำจากหนังนี่นา โดยหนังที่ใช้จะเป็นหนังที่เรียกว่า “นูบัค” Nubuk Leather (Suede) ซึ่งเป็นหนังที่ได้มาจากบริเวณสะโพกของวัวโดยผ่านการขัดเพื่อให้นุ่มขึ้นและจะมีความทนทานมากกว่าหนังแบบธรรมดาทั่วไป และก็อย่างที่รู้ว่าหนังชนิดนี้มันเป็นรอยขูดขีดและเปื้อนง่ายแถมกันน้ำได้น้อยอีกต่างหากแต่ใครจะสนหล่ะ ก็ในเมื่อเรามาป้องกันปากกาลามี่สุดรักของเราต่างหากจะกลัวซองเป็นรอยไปทำไม
ลองเอาปากกาลามี่ด้ามที่พกติดตัวเป็นประจำมาวางเทียบกันดู อื้มมม ขนาดซองกำลังพอดีเลยแหะ เลยลองเอาลามี่สอดใส่เข้าไปในซองดูก็พอดีเป๊ะ ซองปากกาสามารถห่อหุ้มลามี่ด้ามโปรดได้เป็นอย่างดีโดยเมื่อสอดปากกาเข้าไปจนสุดก็จะเหลือส่วนปลายด้านปลอกปากกาอยู่นิดหน่อย ซึ่งก็สามารถปิดฝาซองแล้วสอดเข้ากับห่วงรัดเพื่อป้องกันส่วนบนของปากกาได้อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอผมยังได้นำปากกาด้ามอื่นมาลองใส่ซองดูด้วย ไม่ว่าจะเป็น Lamy AL-Star ซึ่งมีรูปทรงที่อวบอ้วนกว่ารุ่นซาฟารีอยู่เยอะโดยเฉพาะส่วนปลอกก็สามารถใส่เข้าไปในซองนี่ได้โดยไม่มีปัญหา หรือจะเป็น Hero Pen 501-1 ที่ด้ามผอมเรียวก็ใส่ได้แน่นอนไม่มีปัญหา ยอดไปเลย!
เป็นอย่างไรบ้างครับกับซองใส่ปากกา Labrador Pen Case อันนี้ ผมเชื่อแน่ว่าจะต้องถูกใจใครหลายๆ คนที่อยากใช้ลามี่ด้ามลิมิเต็ดที่แสนจะหายากแต่ก็เกรงจะเป็นรอย หากมีซองนี้ช่วยเก็บรักษาก็จะทำให้ลามี่สุดรักของเราใหม่นิ้งไปอีกยาวนานแน่นอน และที่สำคัญคือสาวๆ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเอาปากกาลามี่เก็บใส่กระเป๋าถือแล้วนะครับ ซองนี้ปกป้องได้ดีทีเดียวเลย แถมราคาน่าคบหาหนังแท้ฝีมือคนไทยในราคาแค่เพียง 320 บาท ไปร้านเครื่องเขียนคราวหน้าอย่าพลาดที่จะหยิบหามาใช้ดูนะครับ