สวัสดีครับ กลับมาพบกับบล็อกปากกา Lamy และสมุด Moleskine กันอีกครั้ง…ไม่ใช่เว้ย! (กลายเป็นแบบนี้ไปได้ไงเนี่ย) หลังจากที่ผมเขียนเรื่องปากกา Lamy มาหลาย entry ผมรู้ว่าผู้อ่านเริ่มเบื่อกันล่ะ…เปล่าเลยครับ อันที่จริงผมเบื่อเองแหละ -_- วันนี้มาเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า…หลายวันก่อนผมไปแอ่วร้านเครื่องเขียนชื่อดังของเชียงใหม่ “สมุดลานนา” เพื่อที่จะไปหาดินสอกดด้ามใหม่ที่น้ำหนักพอดีมือซักด้าม แต่ดันไปหยุดที่ตู้ปากกา Lamy เสียก่อน ก็เสร็จสิครับ! ได้หมึกมา 4 กล่อง และไม่ได้ดินสอกลับมา -_-
หมึกปากกา Lamy ที่ผมได้มามี 4 สีครับ คืออันที่จริงถ้าผมจำไม่ผิด หมึกของ Lamy จะมีทั้งหมด 7 สีครับ มี ดำ น้ำเงิน ที่พวกเราคุ้นเคยกันดี อีก 4 สีก็คือ ฟ้า, ม่วง, เขียวและแดง ที่จะรีวิวในวันนี้ และสีสุดท้ายที่ผมหายังไงก็หาไม่ได้ ก็คือสี Blue-Black (น้ำเงินเข้มออกดำ) ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่สั่งมาขายหรืออาจจะเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสีเดียวกันกับน้ำเงิน แต่ช่างมันเหอะ ผมจะรีวิว 4 สีละกัน [โหลดโหดเหมือนเดิมจร้าา]
สี ขอบอกว่าสีสวยสดมาก สีฟ้าเขียนเพลินเพราะสวยเย็นตา สีม่วงก็ดีเข้มชัดเจน สีเขียวก็เขียวเข้มอ่านได้ชัดเจน แต่สีแดงนี้แหละที่ไม่ว่าจะดูยังไงมันก็ไม่ใช่สีแดงนี่หว่า สีจะออกชมพูเข้มติดส้มนิดๆ จะเรียกว่าแดงก็ได้ แต่เป็นแดงอ่อนๆ โดยรวมเล้วทุกสีสวยหมดครับ (โคตรสาวกเลย)
ซึม ต้องบอกว่าหมึกของ Lamy ขึ้นชื่อเรื่องซึมอยู่แล้วครับ เหมือนกับที่ผมรีวิว Moleskine ไปคราวก่อน ด้วยลักษณะของน้ำหมึกที่เหลวมาก ไหลง่ายไม่หนืด เลยส่งผลให้เกิดการซึมได้แบบทะลุทะลวงสุดๆ โดยที่ผมเทสนี้ผมใช้กระดาษสมุด Moleskine แบบธรรมดาซึ่งขึ้นชื่อเรื่องบางอยู่แล้ว ผลก็คือ ถ้าใช้หมึกนี้จะเขียนได้แค่หน้าเดียวนะครับ (เปลืองสมุดหว่ะ)
Bleed ให้ตายเหอะ ผมไม่รู้จะใช้คำภาษาไทยคำไหนมาแทนคำนี้ดี ขอใช้คำนี้ไปเลยละกัน คือผมจะพูดถึงเรื่อง “การซึมไหลของน้ำหมึกไปตามเส้นใยกระดาษ” (อะไรวะนั่น!) ง่ายๆคือเวลาเขียนบนกระดาษแล้วเส้นแตกมั้ย? (เออ จบ) บอกว่าซึมครับ เส้นแตกเลย แต่! ไม่มากครับ ขึ้นอยู่กับสีและสไตล์การเขียนด้วย ถ้าเป็นคนมือหนักเขียนช้า เส้นแตกแน่นอน ส่วนสีนั้นสีม่วงจะเส้นแตกที่สุด สีนอกนั้นไม่แตกมากครับ อาจเป็นเพราะสีม่วงมีเม็ดสี (เนื้อสี) ที่มากกว่าสีอื่นเลยทำให้เห็นเส้นแตกได้ชัดเจนที่สุด (แต่ตัวอย่างเป็นของสีแดงนะ)
ความเร็วในการแห้ง โคตรแห้งเร็วเลย! ผมเทสเองยังงงเลย แต่ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากปัจจัยอื่น ประกอบด้วยคือ กระดาษและพัดลม ใช่ครับ กระดาษ Moleskine นี้ทำให้หมึก Lamy ที่มีความเหลวมากอยู่แล้วแห้งซึมได้เร็ว ส่วนพัดลมนั้นบ้านผมมันกากอะครับไม่มีแอร์ ขณะที่เขียนรีวิวนี้ก็นั่งหน้าพัดลมมันเลยช่วยเป่าให้หมึกแห้งเร็วขึ้นนั่นเอง แต่ถึงจะเร็วยังไงสีเขียวกับแดงก็ไม่รอดที่ระดับ 1 วินาทีนะครับ กร๊าก
กันน้ำ ไม่ต้องอธิบายอะไรมากครับ จากรูปคงได้เห็นไปแล้วว่า “ไม่กันน้ำเลย!” ผมเทสแบบนี้ครับ ผมเขียนลงกระดาษแล้วตั้งตากลมให้แห้งไว้สักประมาณ 5-10 นาทีให้หมึกแห้งสนิท แล้วนำกระดาษจุ่มลงในน้ำอุณหภูมิปรกติจากก๊อกน้ำ จุ่มแป๊ปเดียว หมึก Lamy ก็เริ่มไหลหลุดออกมาเลยครับ ไม่ได้เอานิ้วไปแตะต้องตรงที่เขียนเลยด้วยซ้ำ พอเอากระดาษออกจากน้ำมาลองดูชัดๆ ผลคือหมึกหลุดหมดหลงเหลือเพียงรอยจางๆเท่านั้น
สรุป หมึก Lamy เป็นหมึกที่คุณภาพดีในระดับหนึ่งเลยครับ สีสวยสด เขียนลื่น แห้งไว แต่เสียดายไม่กันน้ำ โดยหมึกหลายสีแบบนี้เหมาะกับการเขียนงานส่วนตัว(ก็แหงหล่ะ) เขียนเล่นวาดเล่น เขียนไดอารี่จะสนุกมากเพราะยิ่งเขียนพอเห็นสีสวยๆก็ยิ่งเพลิน แต่คงไม่เหมาะกับการเขียนจดหมายเท่าไหร่ (ยังจะเขียนจดหมายกันอยู่เหรอ!) หรือใช้จดข้อความอะไรที่สำคัญไม่ได้เพราะแค่โดนฝนโดนน้ำหรือหยดน้ำตา T_T ตัวหมึกก็จะกระจายหายไปในทันที
ส่วนเรื่องราคา ถ้าถามผมว่าแพงมั้ย ผมก็ไม่รู้หรอกเพราะสำหรับผมผมมองว่าไม่แพงนะ ถ้าเทียบกับ หมึก Iroshizuki คราวก่อน (เออแหะผมลืมลงราคา) ขวดละ 1,500 เยนไม่รวมค่าส่ง หมึก Lamy ถูกกว่าเห็นๆ 100 บาทเอง(หลอด) ส่วนที่ผมยังฮาอยู่ก็คือหมึก Lamy สีแดงนี้หละ “มันแดงตรงไหนฟระ?!!” แต่มองในแง่ดีคือ เป็นสีแดงที่ไม่เหมือนใครดีแหะ เท่!
ปล. ตอนนี้มี webboard แล้วนะครับ ปุ่มอยู่ด้านบน ลองเข้าไปใช้ดู มีอะไรถามหรืออยากอวดของก็เชิญเลยตามสบายครับ
ปล.2 เห็นหมึกสีดำบนกระดาษตอนจุ่มน้ำมั้ยครับ? ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด (ขี้เกียจ) ผมจะรีวิวให้อ่านกัน