เห็นจากภาพแล้วผมเชื่อแน่ว่าปากกาลามี่ด้ามนี้น่าจะเป็นหนึ่งในลามี่ที่หลายๆ คนอยากได้มาครอบครอง ชื่อของมันที่เราๆ เรียกกันก็คือ Lamy Safari Blue and Red หรือหลายๆ คนที่เป็นแฟนลามี่ชาวไทยก็จะเรียกว่า “ลามี่โดราเอม่อน” อืมมมมม ก็ทั้งด้ามมันเป็นสีฟ้านี่เนาะ แล้วยังมีสีแดงที่ทำให้เรานึกถึงจมูกและปลอกคอของโดราเอม่อนอีกนี่นา
แต่ว่าทำไมผมถึงเอาปากกาลามี่ฟ้าแดงที่เคยเขียนรีวิวไปเมื่อหลายปีก่อนนู้นมาเขียนอีกล่ะ? (ใครยังไม่ได้อ่านขอเชิญนะ https://www.bbblogr.com/636/) มันก็ใช่อ่ะครับว่าผมเขียนถึงลามี่ฟ้าแดงอีกรอบ แต่ว่าครั้งนี้มันต่างออกไปนะ เพราะว่าสิ่งที่คุณเห็นตรงหน้า ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนกันก็ตามแต่มันเป็นคนละด้ามคนละรุ่นกันเลยล่ะ
Lamy Safari Blue and Red 2015 เห็นเลขปีแล้วคุณผู้อ่านคงตกใจเลยสินะครับ? ก็อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าลามี่ด้ามฟ้าแดงนี่อ่ะ มันเป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตไปเมื่อหลายปีก่อนเมื่อปี 2006 นู่นนนนน แล้วไอด้ามที่ผมเอามาให้ดูนี่หน่ะ ทำไมถึงห้อยเลขปี 2015 ล่ะ? ซึ่งเอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอด้ามฟ้าแดงของปี 2015 นี่มันโผล่มาจากป่าดงพงไพรไหน …ใช่ครับผมไม่มีข้อมูลจริงๆ ว่าจัดทำขึ้นมาในโอกาสพิเศษอะไร แต่เอาเป็นว่าด้าม 2015 นี่มันมีความพิเศษพอตัวเลยล่ะ งั้นเรามาชื่นชมกันทุกซอกทุกมุมกันเลยดีกว่า
แกะกล่องเหล็ก
คืองานดี ดูแพง มันโลหะ ลายแจ่ม ที่ผมพูดนี้คือตัวกล่องของเจ้าปากกาลามี่ฟ้าแดงที่ผมได้เกริ่นไปข้างต้น คือจริงๆ แล้วปากกา Lamy Safari Blue and Red 2015 หน่ะมันวางจำหน่ายอยู่ 2 รูปแบบครับ คือแบบที่ผมซื้อมานี่แหล่ะ กล่องเหล็ก กับอีกแบบนึงที่ผมไม่ได้ซื้อมา มันจะเป็นแบบกล่องกระดาษที่ข้างในมีขวดหมึกให้มาด้วย …แต่ไม่ได้ซื้อแบบกล่องกระดาษมา งั้นก็ช่างมันเหอะไม่ขอพูดถึง
กล่องเหล็กที่บรรจุปากกาลามี่ฟ้าแดงมานี้มันเป็นกล่องแบบเปิดฝาขึ้นข้างบนแยกออกจากกันได้ ดังนั้นจะเอาฝามาวางของหรือรองถ้วยแกงก็สามารถทำได้แต่อย่าทำเหอะเสียของ ผิวของกล่องก็ทำให้ขรุขระเล็กๆ นิดๆ ให้ดูมีอัลไลไม่ได้เงาๆ วาวๆ ดาดดื่น บนฝากล่องมีการพิมพ์ลายเป็นรูปเมืองที่ดูล้ำและทันสมัยด้วยสีของหมึกที่เด่นชัดคือน้ำเงินและแดง ดูๆ ไปแล้วรูปเมืองนี้ชวนให้ถึงถึงภาพถ่ายของเกาะฮ่องกงที่เราคุ้นตาด้วยตึกรามสูงตระหง่านที่มีฉากหน้าเป็นแม่น้ำ ลายบนหน้ากล่องนั้นจะมีการเขียนบอกว่าเป็นปากกา Lamy Safari รุ่น Blue pen, Red clip แบบเชยๆ แล้วก็จะมีเขียนบอกด้วยว่าในกล่องจะมี nib ขนาด EF และ 1.1 มาให้นะ
ข้างในมีอะไร?
อันนี้แหละที่ผมค่อนข้างว้าว คือทีแรกดูจากหน้ากล่องผมก็คิดว่าที่มีขนาด nib 2 ขนาดนั้นจะให้มาเพียงแค่ nib ปากกาเท่านั้นแล้วเราก็ต้องเอามาถอดเปลี่ยนเอง ซึ่งกลับกลายเป็นว่ามันมาทั้งส่วนของ grip หรือก็คือส่วนของมือจับปากกาเลย ในกล่องจะเป็นวัสดุที่เหมือนผ้าสักกะหลาดสีเทารองและยึดสิ่งต่างๆ ไว้ดูแพงดี นอกจากนั้นยังมีกล่องหมึกแบบรีฟิลพิมพ์ลายเหมือนหน้ากล่องเหล็กมาให้ 1 กล่อง แล้วเหนือขึ้นไปจากกล่องหมึกนั้นเองก็จะมีท่ออะไรไม่รู้เล็กๆ ให้มาด้วยซึ่งเดียวเราค่อยมาดูกัน นอกจากนั้นผมก็ยังได้ใบรับประกันสินค้าที่หน้าตาดูไฮโซและน่าเชื่อถือมาด้วยอีก 1 แผ่น
ตัวปากกา
มันงดงามอยู่แล้วล่ะกับเจ้าปากกา Lamy Safari Blue and Red 2015 ด้ามนี้ สีสันอะไรของมันก็แสนจะคุ้นเคยเหมือนรุ่น 2006 ไม่มีผิด ผมหยิบออกมาดูซึ่งก็เป็นเจ้าปากกาลามี่ฟ้าแดงที่ตัวด้ามเป็นสีฟ้า Royal Blue ส่วนคลิปและจุกกลมข้างบนก็เป็นสีแดงไม่ผิดเพี้ยน และในเมื่อเค้าให้ส่วน grip ปากกามาสองอัน nib 2 ขนาดซึ่งผมเลยเอามาเทียบกันให้ดู อันแรกเลยก็คือ …แบบ…เอ่อ… ทำไมผมได้ nib F มาอ่ะ? หน้ากล่องก็เขียน EF ไอตรงนี้ไม่รู้ล่ะว่ามันผิดพลาดที่คนพิมพ์กล่องหรือคนหยิบปากกาใส่ แต่ผมไม่สนใจเพราะซื้อมาเก็บไม่ได้เอามาใช้ และอีกขนาดนั่นก็คือ nib หัวตัดขนาด 1.1 เอาไว้สำหรับเขียนอักษรประดิษฐ์ calligraphy นั่นเอง
ท่อใสที่แท้คือปลอก
จำท่อใสๆ สีขาวขุ่นที่ผมเรียกให้มาดูกันตะกี้ได้มะ? ที่แท้มันก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ มันคือ “ปลอกปากกา” แบบใช้ชั่วคราว(หืม?) อธิบายคือ ในเมื่อปากกาด้ามนี้มันสามารถเปลี่ยนส่วน grip ได้ ดังนั้นเวลาเราเขียนๆ ไปแล้วอยากเปลี่ยนเส้น เราก็แค่หมุน grip ออกแล้วเอาอันใหม่มาใส่แทน ทีนี้ไอส่วนที่เราหมุนออกอ่ะมันก็ยังมีหมึกค้างข้างในใช่ป่ะ? เราไม่อยากเอาน้ำล้างหมึกออกเพราะเดี๋ยวก็จะเอากลับมาใช้ต่อแล้ว เค้าเลยมีไอปลอกปากกาเล็กๆ แบบนี้ให้เราเอาไว้ปิดเป็นการชั่วคราวกันหมึกแห้งนั่นเอง …ก็เข้าใจคิดดีนะ
หมึกและหลอดสูบ
ในกล่องเล็กๆ สีขาวพิมพ์ลายตึกนั้นจะเป็นหมึกปากกาลามี่รุ่น T10 ซึ่งเป็นหมึกสีน้ำเงินทั้งหมด 5 หลอดไม่มีอะไรพิเศษให้ลุ้น อ้าว! แล้วเค้าไม่มีหลอดสูบหมึกก้านแดงๆ มาให้ด้วยเหรอ? มีสิๆๆๆ คือมันอยู่ในตัวด้ามปากกาหน่ะครับ ผมหมุนออกดูก็จะเห็นหลอดสูบหมึก Z28 (รุ่นใหม่) ก้านแดงบอดี้สีเงิน ให้มาด้วย 1 หลอด เลิกโวยวายว่าไม่มีหลอดสูบหมึกได้แล้วนะ (มีผมคนเดียวแหล่ะที่โวยวาย)
เปรียบเทียบกับรุ่นปี 2006
คำถามมันเลยเกิดที่ว่า “แล้วมันต่างจากรุ่นแรก Lamy Safari Blue and Red 2006 ยังไงล่ะ?” ใช่ครับนี่คือคำถามมูลค่า 1 ล้านบาทเลยนะ เพราะเราต่างก็รู้ๆ กันอยู่ว่าปากกาลามี่ Blue and Red 2006 นั้นมันมีราคาที่สูงพอควรเลย คร่าวๆ ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้เหมือนจะอยู่ที่ 3–4 พันบาทเลยล่ะ ดังนั้นถ้าเอาด้ามนี้มาย้อมแมวขายราคาแพงๆ ก็สามารถทำได้สิ เอ๊ะ! ถ้าอย่างนั้นมันมีจุดสังเกตอะไรที่สามารถบอกได้ว่าด้ามไหนเป็นของเก่าหรือของใหม่
1. สีของตัวด้าม
จริงๆ แล้วถึงจะมองแบบนี้ว่าสีมันใกล้เคียงกันมาก แต่ตัวด้ามจริงๆ ที่อยู่ในมือผม ผมว่าสีมันต่างกันอยู่นิดๆๆๆๆๆ เดียวจริงๆ คือด้ามของปี 2006 จะเป็นสีฟ้าที่ “สีอ่อนกว่านิดนึง” นิดในที่นี้คือนิดจริงๆ ครับ จนผมไม่มั่นใจเลยว่าไอที่สีอ่อนกว่านั้นเพราะมันอ่อนจริงๆ หรือว่ามันเก่าแล้วตั้งตากแดดสีเลยซีด ดังนั้นถ้าได้มีโอกาสจับด้ามจริงวางเทียบกันให้รู้ไว้ว่า “Blue and Red 2015 จะมีสีเข้มกว่านิดนุง”
2. สีของ nib
จุดนี้ดูง่ายอ่ะนะคือดูที่สีของ nib ครับ ถ้าเป็นรุ่นเก่าปี 2006 จะใช้ nib สีดำสนิทดูหล่อดูขลัง แต่ถ้าเป็นรุ่นใหม่ 2015 ก็จะเป็น nib สีเงินธรรมดาแบบที่เราเห็นในด้ามใหม่ๆ นี่แหล่ะ สรุปคือ “รุ่น 2015 จะใช้ nib สีเงิน”
3. โมลด์(แบบหล่อ)
อันนี้น่าสนใจครับ คือแบบหล่อปากกาหรือที่เรียกว่า “โมลด์” ที่ใช้หล่อปากกาด้ามฟ้าแดงนี้จะใช้คนละโมลด์กัน เราลองหมุนปากกาออกมาดูส่วนที่เป็นด้ามนะ ผมเทียบซ้าย-ขวาให้ดูกันชัดๆ จะเห็นว่าด้ามซ้ายนั้นเป็นด้ามเก่าของปี 2006 โมลด์จะมีจุดวงกลมเล็กๆ 4 จุด และมีเส้นขีดๆ โดยรอบ แต่กับด้ามของปี 2015 นั้นจะเป็นวงเรียบๆ แล้วมีเพียงแค่ตัวเลขตัวเดียวซึ่งก็คือเลข 6 …หรือเลข 9 อ่ะ? …แล้วแต่จะมองละกัน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า “รุ่น 2015 โมลด์จะเป็นแบบตัวเลข 6”
4. ปลายเกลียว
อีกจุดหนึ่งที่เห็นได้ง่ายก็คือปลายเกลียวปากกาในส่วนของมือจับ เวลาที่เราหมุน grip ปากกาออกดู ถ้ารุ่นเก่าของปี 2006 จะเป็นปลายเกลียวที่มีการตัดฉับตรงๆ แต่กับรุ่น 2015 จะเป็นปลายที่ตัดเฉียงๆ หน่อย ดังนั้นสรุปได้ว่า “รุ่น 2015 ปลายเกลียวตัดเฉียง”
*จุดสังเกตส่วนใหญ่ผมอ้างอิงมาจากเว็บเทพของการสะสมปากกาลามี่นะ คุณผู้อ่านสามารถเข้าชมได้ที่นี่ครับ : http://kmpn.blogspot.com/2015/07/lamy-safari-blue-and-red-2015.html
ซื้อที่ไหน? ราคาเท่าไหร่?
ผมได้ปากกาชุดนี้มาจากหลานเจ้านายที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ครับ(ฮ่องกงก็มีขายนะ) คือตอนคุยกันก็ไม่ได้คุยเรื่องงานหรอก ใครเค้าคุยเรื่องงานในเวลางานกัน? ตลก! ผมก็เลยฝากแกซื้อปากกาไปหน่ะ ขอบคุณมากครับคุณกิ๊ฟ! ซึ่งเราก็สามารถเข้าไปซื้อปากกาด้ามนี้ได้ในร้านขายปากกาลามี่ที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าในประเทศจีนและฮ่องกงได้เลย โดยราคาขายนั้นจะอยู่ที่กล่องละ 660 หยวน โดยตอนนั้นผมคูณค่าเงินไปๆ มาๆ ก็ตีเป็นเงินไทยได้ที่ 3,425 บาท พอดิบพอดีครับ
กลายเป็นปีที่เจ็บหนักซ้ำๆๆ หลายรอบมากเลย ไม่ว่าจะลามี่เป็ดเหลือง ลามี่หมีแดง หรือจะลามี่ LX ทั้งหลายแหล่ (รอรีวิวกันนะ) แล้วก็มาเจอกับเจ้าหมอนี่ Lamy Safari Blue and Red 2015 ที่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมีอยู่บนโลกนี้ด้วย กล่องเหล็กที่ดูหรูหราดูแพงกว่าลามี่ทั่วๆ ไป ตัวปากกานั้นเป็นสีพิเศษที่งามงดจนไม่อาจยับยั้งกิเลสไว้ได้ นอกจากนั้นภายในกล่องยังจัดเต็มด้วยหัวปากกาที่มาทั้ง grip ถึง 2 ขนาด นั่นก็คือหัวธรรมดาและหัวตัด 1.1 จะเขียนทั่วไปก็ได้หรือจะเขียน calligraphy ก็ดี ใครที่เป็นแฟนปากกาลามี่แล้วอยากได้ลามี่สีฟ้าแดงสวยๆ ไม่เหมือนใครก็ลองหาด้ามนี้มาครอบครองสักด้ามนะ ถึงแม้ว่าเราจะมีของปี 2006 อยู่แล้ว แต่จะเป็นไรไปถ้าจะมีของปี 2015 อีกสักด้ามนึง แนะนำว่าลองเมียงมองหาที่ประเทศจีนหรือฝากมิตรสหายให้เก็บกลับมาฝากสักชุดก็ดีนะครับ รับรองว่าจะต้องถูกใจแน่นอน
ขอขอบพระคุณ
คุณกิ๊ฟ หลานชายของเจ้านาย ที่สละเวลาทำงานของบริษัทแอบไปเดินเล่นลั้นลาพาสาวไปกินไอติมที่ห้างสรรพสินค้าแล้วก็หิ้วปากกา Lamy Safari Blue and Red 2015 กล่องนี้มาให้ผมและคุณหลินหลิน(คุณหลินก็ซื้อครับนาย เป็นคนแชทสั่งซื้อด้วยครับ) ไปจีนคราวหน้าวานคุณกิ๊ฟบอกอีกนะครับ ขอบพระคุณครับ!