หลายๆ ครั้งที่มักจะมีคุณผู้อ่านเขียนจดหมาย(เก่าไปมั้ย?) เข้ามาถามผมอยู่เสมอๆ เลยครับว่าอยากจะซื้อปากกาหมึกซึมลามี่ให้กับผู้หลักผู้ใหญ่หรือรุ่นพี่รวมไปถึงอาจารย์ที่เคารพ แต่เลือกไม่ถูกว่าจะเอารุ่นไหนดี แน่นอนว่าเมื่อมาถามผมซึ่งบ้าลามี่อยู่ไม่กี่รุ่น ผมก็ตอบกลับไปว่า “แน่นอนครับว่าต้องเป็น Lamy Safari แต่ให้หรูอีกหน่อยก็ Lamy AL-Star เพราะเป็นรุ่นยอดนิยมที่สุดแล้ว!” …ก็เป็นอันแยกย้ายเลิกรากันไป

แต่ทีนี้โจทย์ปัญหานี้ก็ย้อนกลับมาหาตัวผมเองครับ ก็เนื่องด้วยเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้เข้ามานี้ ผมต้องการที่จะหาของขวัญสักชิ้นสองชิ้นเพื่อมอบให้แก่ผู้หลักผู้ใหญ่ ผมก็มานึกๆ ดูว่าจะมอบปากกาลามี่ซาฟารีรุ่น Japan Limited Edition ซึ่งผมคิดว่ามันทั้งหายากและสีสันสวยงามแตกต่างจากใครๆ เป็นยิ่งนัก

…แต่คิดว่าหัวหน้าคงไม่ปลื้ม

ผมจึงคิดใหม่ว่า เอ๊ะ! มันน่าจะมีลามี่อีกซักรุ่นสิที่ดูหรูหราขึ้นแต่ก็ไม่ได้ราคาแพงมากมายจนเกินไปเพราะเราต้องนำไปเป็นของขวัญให้คนหลายคน อีกทั้งยังเป็นราคาในระดับที่สามารถซื้อเป็นของขวัญรุ่นพี่หรืออาจารย์ที่เคารพได้แบบสบายกระเป๋านักเรียนนักศึกษา รวมถึงวัยทำงานหนุ่มๆ สาวๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องคงไว้ซึ่งความหรูหราและสวยงามทันสมัยสไตล์ลามี่ด้วยนะ

Lamy Studio เป็นคำตอบที่ตรงใจเป็นที่สุดครับ โดยรุ่นที่ผมนำมาให้ดูกันในวันนี้เป็นรุ่น Brushed Stainless Steel สีเงินสวยงามทันสมัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนมากจากคุณ Frank แห่งเว็บ fontoplumo.nl ร้านขายปากกาลามี่ที่ถูกเหลือเชื่อ! แต่ก่อนที่จะไปถึงราคาที่ถูกแบบบ้าคลั่งนั้น เรามาดูราคา Lamy Studio ในกันก่อนครับ

ซึ่งราคาที่วางขายกันในบ้านเราช่วงที่ไม่มีโปรโมชั่นนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 3,200 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) ซึ่งถ้ามีโปรลด 3 ด้าม 20% นั้นก็จะลดเหลือ 2,560 บาท นี่ถือว่าเป็นราคาที่ถูกที่สุดแล้วที่ขายในไทยครับ

แต่ที่เว็บ Fontoplumo.nl แห่งนี้! ช่างเกิดมาเพื่อทำลายเงินในกระเป๋าพวกเราเป็นอย่างยิ่ง! คุณ Frank เค้าตั้งราคาขาย Lamy Studio หน้าร้านไว้ที่ 49 euro แต่ก็อย่างที่พวกเราทราบกันดีว่า หากพวกเราสั่งซื้อปากกาจากประเทศกลุ่มยุโรปจะ ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 21% วิธีการก็คือเราก็ไปสมัครสมาชิกบนเว็บ fontoplumo ซะหรือใครที่เป็นสมาชิกอยู่แล้วก็ล็อคอิน แล้วก็ทำการหยิบปากกาด้ามนี้ใส่ตะกร้า ราคาก็จะเปลี่ยนเป็นราคาลดแล้วเหลือ 38.47 euro หรือเท่ากับ 1,574.74 บาท! นี่มันจะถูกเกินไปแล้วนะ! ราคาเกือบจะเท่ากับ Lamy AL-Star ที่ขายในบ้านเราเลย!

เวลาสั่งก็อย่าลืมกดเลือกหลอดสูบหมึกหรือภาษาฝรั่งเค้าเรียกกันว่า ink converter มาด้วยนะ โดยหลอดสูบหมึกรุ่นที่จะใช้กับ Lamy Studio นั้นจะเป็นรุ่น Z26 หรือก็คือรุ่นที่เป็นหลอดสูบสีเงินๆ ครับ โดยเฉพาะหลอดสูบ Z26 นั้นราคาลดแล้วจะอยู่ที่ 3.73 euro หรือ 152.68 บาทครับ

โดยค่าส่ง Lamy Studio พร้อมหลอดสูบหมึกมาประเทศไทยนั้นจะอยู่ที่ 3.50 euro หรือเท่ากับ 143.27 บาท ดังนั้นเมื่อรวมทุกอย่างแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องชำระค่าเสียหายที่เกิดมาเป็นคนบ้าปากกาครับ รวมแล้วอยู่ที่ 45.70 euro หรือ 1,870.69 บาท! ผมมาลองเทียบดูเล่นๆ กับที่ขายในประเทศไทยก็เหมือนกับว่าเราซื้อที่ราคาลด 40% เลยทีเดียว!

ฝากไว้เผื่อข้องใจ

ถ้าคุณผู้อ่านลองกดเข้าไปดูปากการุ่นนี้บนเว็บ fontoplump.nl อาจจะเห็นคำว่า “Leadtime 4–5 days” ก็ไม่ต้องตกใจว่าจะซื้อไม่ได้นะครับ คุณ Frank เค้าฝากมาบอกว่ายังคงสามารถซื้อได้เหมือนเดิมแต่ที่ขึ้นข้อความว่าต้องใช้เวลาในการเตรียมการ 4–5 วันนั้น ก็เพื่อเตรียมสินค้าตัวนี้สำหรับการจัดส่งครับ (ก็คนซื้อกันเยอะนี่)

สวยจริงนะน้องสาว ผิวขาวเหมือนดังแม่แตงร่มใบ…ถึงเพลงจะเก่าบอกอายุไปนิดแต่ความหมายที่ต้องการจะสื่อนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยน Lamy Studio Brushed Stainless Steel สวยงามหรูหราทุกกระเบียดนิ้ว สัมผัสได้ถึงการออกแบบที่คงความคลาสสิคแต่ก็กลับแลดูทันสมัยสมกับเป็นปากกาลามี่ ซึ่งปากกาด้ามนี้เป็นผลงานการออกแบบของ Hannes Wettstein นักออกแบบชาวเยอรมัน และแน่นอนว่าปากกาที่สวยงามขนาดนี้ก็ต้องได้รับรางวัลการออกแบบที่ยอดเยี่ยมด้วย! นั่นก็คือรางวัล Good Design Award และอีกรางวัลคือ iF Design award (ผมนี่ไปก๊อปวิกิมาเขียนเลย -.,-)

หน้าตาโดยรวมของปากกานั้นจะเป็นทรงรีคล้ายกับซิก้าร์แต่ส่วนกลางป่องและปลายทั้งสองด้านผอมกว่านิดนึง ปากกาด้ามนี้เป็นแบบปลอกสุดคลาสสิคครับ ผิวสัมผัสของตัวด้ามส่วนใหญ่นั้นให้สัมผัสที่ด้าน อันเนื่องมาจากการใช้วัสดุที่เป็นสแตนเลสขัดหยาบในการทำตัวด้ามครับ ซึ่งข้อดีก็คือมันจับถือได้กระชับมือไม่ลื่นหลุดมือง่าย (ผมเคยทำปากกาดูปองท์หลุดมือร่วงลงพื้นก็เพราะมันลื่นนี่แหละ)

ถึงแม้พื้นที่ส่วนใหญ่ของปากกา Lamy Studio Brushed Stainless Steel จะเป็นผิวแบบสแตนเลสขัดหยาบ แต่ว่าในส่วนที่เป็นส่วนบนของปลอกปากกาและส่วนก้นของปากกา(ปลายปากกาด้านล่างนั่นแหละ) รวมถึงคลิปซึ่ง ก็จะเป็นโลหะขัดเงาวาววับตัดกับตัวด้ามที่เป็นแบบขัดหยาบ ซึ่งไอตรงเงาๆ นี่แหละที่ดึงดูดสายตามาก แสงต้องปากกาทีก็จะปิ้งๆ รำคาญตาคนอื่นดีนักแล (คนอื่นจะหมั่นไส้มั้ย? ก็อยากอวดอ่ะ)

คลิปของ Lamy Studio เป็นอะไรที่ผมคิดว่าเหมาะสมกับคำว่า “Less is more” จริงๆ เพราะว่าด้วยลักษณะการออกแบบของคลิปที่เน้นให้เป็นเส้นเรียวตรงแต่มีการไล่ขนาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในส่วนบนเพื่อสร้างความเก๋ไก๋ มีโลโก้เล็กๆ ขนาดกำลังสวยงามพิมพ์บนคลิปด้านข้างเพื่อบ่องบอกยี่ห้อยี่ห้อลามี่ ผมลองนำปากกามาเหน็บกระเป๋าเสื้อก็จะเห็นคลิปเรียวเล็กนิดเดียวแต่เท่ แลดูสุภาพและไม่ดูเด่นสะดุดตาจนเกินไปเหมือนกับพวกซาฟารี ตรงส่วนนี้ผู้หลักผู้ใหญ่คงจะชอบใจกันทีเดียว

อีกเรื่องคือสิ่งที่ท่านพ่อของผมมักจะพูดกับผมเสมอในการเลือกซื้อปากกามาเหน็บกระเป๋า (พ่อผมก็บ้าปากกาไม่แพ้กันครับแต่จะออกแนวปากกาคนแก่นะ #ขอโทษครับพ่อ) นั่นก็คือปากกาที่ส่วยงามเวลาเหน็บกระเป๋าจะต้องไม่มีหัวหรือก็คือส่วนปลายด้านบนยื่นยาวโผล่อออกมาจากขอบกระเป๋าเสื้อจนเกินไป เพราะว่าถ้ายื่นออกมาเยอะๆ มันก็จะดูน่าเกลียดและเด่นสะดุดตาเกินไปครับ (ทั้งนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลครับแต่ผมชอบแบบเสมอหรืออยู่ในระดับใกล้เคียงกับขอบกระเป๋าเสื้อ)

เห็นเป็นปากกาแบบสวมปลอกแบบนี้ หลายคนที่ถนัดการนำปลอกปากกามาสวมเข้าที่ก้นของปากกานั้นอาจจะต้องผิดหวังครับ เพราะว่าเมื่อผมลองนำปลอกมาสวมเข้าไปแล้วลองเขียนดูนั้น มันสวมได้ไม่แน่น มันจะเหมือนแค่เอาปลอดมาสวมห้อยไว้หลวมๆ ไม่แน่หนาเหมือนรุ่นลามี่ซาฟารี ซึ่งถ้าใครที่เผลอเคยชินกับการสวมปลอกแล้วยกปากกากวัดแกว่งล่ะก็ ปลอกปากกาได้ร่วงลงพื้นรอบเพียบแน่นอนครับ

ปลอกปากกาเป็นแบบดึงครับ เมื่อเค้าให้ดึงเราก็ดึงกันเถอะ เพื่อดึงปลอกปากกาออกมาก็จะพบกับคความงามที่อยู่ด้านใน แน่นอนว่าตัวด้ามปากกานั้นเป็นสแตนเลสสีเทา แต่ที่ส่วนมือจับนั้นใช้เป็นวัสดุสีดำคล้ายยาง…หรือยางนั่นแหละ ซึ่งสีดำตัดกับสีเทาก็ยิ่งเน้นให้ด้ามปากกาแลดูสวยงามยิ่งขึ้นไปอีกครับ ซึ่งในส่วนของมือจับ (grip) นี้เองมีจุดน่าสนใจก็คือ ในรุ่น Brushed Stainless Steel นี้จะมี grip ที่แตกต่างจาก Lamy Studio สีอื่นๆ ครับนั่นก็คือยางนี่แหละ เพราะว่าสีอื่นๆ จะเป็นโลหะขัดผิวเพียวๆ เลยไม่มียางมาหุ้ม ตรงจุดนี้มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปก็คือ ในเมื่อมือจับเป็นยางก็จะทำให้จับถือปากกาได้แน่นไม่ลื่นไหล เหมาะกับคนที่ไม่ถนัดปากกาที่มือจับเป็นวงกลม(เช่นผม)ทำให้เวลาเขียนแล้วปากกาไม่หมุนไปหมุนมาองศาเปลี่ยนครับ ส่วนแบบไม่มียางก็ง่ายๆ เลยคือ เท่!

เข้ามาใกล้ๆ สิครับมาส่องหัวกัน ในส่วนหัวปากกาหรือ nib นั้นจะใช้ nib แบบเดียวกันกับ Lamy Safari และ Lamy AL-Star เปี๊ยบเลยครับ ดังนั้นหากใช้ๆ ไปแล้วอยากเปลี่ยนขนาด nib ก็ไปถอดของรุ่นซาฟารี…ที่พวกเราสะสมกันเป็นลังเอามาใช้ได้เลยนะ

ผมหมุนปากกาออกอย่างช้าๆ เพื่อจะดูว่าลำไส้ของลามี่ด้ามนี้หน้าตาเป็นอย่างไร Lamy Studio นั้นสามารถใช้หลอดหมึกรุ่นเดียวกันกับ Lamy Safari ได้เลยนะครับไม่แตกต่าง สามารถใช้ได้ทั้งหลอดสูบแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งหรือจะเป็นหลอดสูบหมึก ink converter ก็ยังได้ แต่เพื่อควาโดดเด่นไม่เหมือนใคร เราก็สั่งหลอดสูบหมึกรุ่น Z26 สีเงินจะได้สวงงามหรูหราตั้งแต่หน้ายันลำไส้เลย (อ้วกแป้บ)

คาใจ! ทำไม Lamy Studio ถึงมีหลายราคาจัง?

จริงด้วยครับและผมก็ไม่รู้ ไอบ้า! คืองี้นะ ปากกา Lamy Studio นั้นจะมีด้วยกันหลายแบบแยกย่อยกันไป ซึ่งสามารถแบ่งได้ใหญ่ๆ คือ 3 รุ่นย่อยนั่นก็คือ
– รุ่นที่เอามารีวิว สังเกตจาก grip วัสดุจะเป็นยางและจะใช้ nib แบบธรรมดาเหมือนลามี่รุ่นซาฟารี
– รุ่นที่มี grip เป็นโลหะ ก็จะมีราคาสูงขึ้นอีกนิดแต่ไม่มากครับ เพราะ nib ที่ใช้ยังคงเป็นแบบเดียวกับลามี่ซาฟารีนั่นเอง
– รุ่นหรูหรา รุ่นนี้สังเกตง่ายมากนั่นก็คือมันมีราคาแพงกว่าด้ามอื่น (ดู๊ดูมันตอบ!) ที่มันแพงก็เพราะว่ามีการเปลี่ยน nib มาเป็นแบบ 14k Gold nib นอกจากนั้นตัวด้ามยังทำจาก palladium ก็ยิ่งหรูหราเพิ่มขึ้นไปอีกครับ

อีกระดับของความหรูหรา… เป็นประโยคที่ผมไม่ได้พูดเกินใช่ไหมครับ? หากคุณนั้นหลงใหลในปากกาลามี่อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมคิดว่า Lamy Studio Brushed Stainless Steel จะต้องเข้าไปอยู่ในใจคุณได้โดยง่ายแน่ๆ ด้วยการออกแบบที่สวยงามคลาสสิคแต่คงความทันสมัย เรียบหรูล้ำค่าเหมาะสำหรับใช้ออกงานที่เป็นทางการหรือจะใช้เป็นของขวัญให้กับผู้ใหญ่ที่เรานับถือ ผมเชื่อแน่ครับว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เป็นเจ้าของลามี่ด้ามนี้ เค้าจะต้องตกหลุมรักแน่ๆ ครับ

…แล้วสักพักมันก็จะงอก…

ปล. ขอขอบพระคุณคุณ Frank แห่งเว็บ fontoplumo.nl ร้านขายปากกาลามี่ที่ถูกเหลือเชื่อ ที่ให้การสนับสนุนของขวัญแก่คุณผู้อ่านชิ้นนี้มาด้วยครับ ขอบคุณครับ!