กลิ่นกาแฟหอมเย้า เฝ้าหลง
เสียงกริ่งแกร็งเคลื่อนคง กล่อมเล่า
ฟองนมนุ่มไหลล่อง เลื่อนเบา
สุขใดจะเสมอเท่า คราวได้ลิ้ม จิบกาแฟ
…และเซลฟี่กับแก้วแมงดาว
โถ๋ๆๆๆๆๆ คุณผู้อ่านคนใดที่ติดตามบีบีบล็อกมาตลอดตั้งแต่สมัยที่เว็บมีคนเข้า 2 คนต่อเดือนคงจะทราบดีใช่ไหมครับว่าผมนั้นมันโคตรคอกาแฟเลย คือเป็นคนที่เสพติดกาแฟและชอบในกลิ่น ชินในรส ซดครีม่าเป็นชีวิตและจิตวิญญาณ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลิ้นเทพยดาเอาลิ้นเลียลงไปในแก้วสัมผัสหยดกาแฟแล้วรู้ซึ้งถึงต้นกำเนิดของเมล็ดหรือเศษดินที่ติดมาได้ แต่อย่างน้อยผมก็รู้ว่ากาแฟตัวใดที่ถูกลิ้นถูกปาก คุณภาพดีหรือด้อย และรู้ว่ากาแฟใดที่ไม่ใช่อย่างที่ใจเราต้องการ
เกริ่มมานานคือแค่จะบอกว่า “ผมเกลียดสตาร์บัค” หยุด! อย่าเพิ่งดราม่ากับกระผ้ม! หากยังไม่เข้าใจเรื่องราวของความเกลียดที่แท้จริงที่ผมต้องการจะสื่อจงอย่าเข้ามาต่อว่า แต่โปรดจงไถลนิ้วเลื่อนจิ้มลงที่สเก็ตช์ตอนนี้ “ผมเกลียด Starbucks!” แล้วคุณจะเข้าว่าความเกลียดของผมนั้นมันมีความหมายว่าอย่างไรกันแน่ กรั่ก
เอาเหอะๆ แต่เราไม่ได้เกลียดในรสกาแฟของสตาร์บัคนี่นา เราแค่เกลียดวัฒนธรรมของมันเฉยๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะพาลปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้าเงือกสาวพราวเสน่ห์นางนี้นี่ นั่นจึงเป็นที่มาของการผิดคำพูด กลืนน้ำลายตัวเอง และนำพามาซึ่งรีวิวในตอนนี้!
Moleskine Starbucks Thailand Monthly Planner 2016 ใช่แล้วผมผิดคำพูด! เรื่องของเรื่องคือผมเที่ยวไปป่าวประกาศว่ายังไงๆ ก็จะไม่รีวิวสมุดในตำนาน Moleskine แมงดาวสตาร์บัคเป็นอันขาด “ตาท๊อป” เจ้าของซองใส่ปากกาสุดชิกที่หาไม่ได้ง่ายๆ หากไม่ใช่คนรักใคร่ชอบพอกันจริงๆ แต่อีกโฉมหน้านึ่งก็คือตาท๊อปเป็นผู้นำเข้าเซ็กซ์ทอยระดับตำนาน …ตำนานนี้เลื่องลือมาจากวงในว่า ครั้งกลับมาจากญี่ปุ่นครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตอนกลางเดือน “สินค้า” ของตาท๊อปติดด่านแทบยกลัง สุดท้ายที่เหลือรอดติดมือมาก็แค่เจลกลิ่นปลาแซลม่อนเพียงขวดเดียว
กรั่กๆ
ท้าวความกลับไปเมื่อต้นเดือน ตาท๊อปเค้ากระซิบแบบเปิดเผยมาบนทวิตเตอร์ครับซึ่งข้อความโดยสรุปมีว่า “ปีนี้สตาร์บัคจะทำสมุด Moleskine เป็นแบบ Planner ล่ะ” ผมก็บอกว่าไม่เอาๆๆๆ เพราะเกลียดตาบัค! แล้วผมก็โดนชื่นชมกลับมาว่า “ที่แท้ก็สาวกแบบครึ่งๆ กลางๆ!!!!”
…แม่งเจ็บจี้ดที่ขั้วหัวใจ
ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน สุดท้ายผมก็โพสรูปสมุด Moleskine แมงดาวสองรูปบนเพจบีบีบล็อกแบบเท่ๆ แต่น่าหมั่นไส้เรียกเรตติ้งจากลูกเพจและคุณผู้อ่าน
แน่นอนว่าโดนด่าเละ…
โอเค! ระบายความเจ็บแค้นกันมามากแล้วก็มาถึงรีวิวกันดีกว่า เนื่องด้วยการได้มาของสมุดเล่มนี้ไม่ใช่ว่าจะสามารถเดินอาดๆ ทำหน้าเท่แล้วควักบัตรแมงดาวยื่นให้พร้อมกับพูดว่า “เอาสมุดมาเล่มนึงน้อง” ได้ซะหน่อย แต่วิธีการให้ได้มามันต้องเท่กว่านั้น! ต้องรวยเท่านั้นถึงจะทำได้! ต้องมีเงินในกระเป๋าเป็นฟ่อน! วิธีก็คือ…
เห็นมั้ยว่ามันต้องมีเงิน! ไอคนที่วันๆ ไม่มีเงินจะกินข้าวอย่างผมจะเอาปัญญาที่ไหนไปเติมเงิน! แต่แน่นอนว่าผมก็ไม่ย่อท้อครับ ขโมยสิครับจะรออะไร?! ถุย! ผมเลยทำการติดต่อเพื่อนๆ ผู้ใกล้ชิดในทางลับ ไล่ถามว่าใครบ้างที่เป็นผู้เสพกาแฟแมงดาวระดับมงกุฎเพชร และแล้วเหยื่อก็มาตกที่เพื่อนผม 2 คนนี้
คนแรก
เป็นเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันครับนามสมมติว่า “บีบี้” เธอคนนี้วันๆ ไม่กินข้าวไม่กินปลาครับ ลดหุ่น แต่เพราะเป็นคนที่หิวกระหายตลอดเวลา(หมายถึงกระหายน้ำ!) และเป็นคนที่ถ้าวันไหนไม่ได้ดื่มกาแฟแล้วจะปวดหัว (โรคดาราเหรอ?) ผมเลยจัดการหลอกบีบี้ให้ไปเติมเงินกาแฟแมงดาวเป็นจำนวน 3,000 บาทเสียเลย เพื่อที่ผมจะได้ขอซื้อสมุดแมงดาวเล่มสีดำต่อจากเธอยังไงล่ะครับ ซึ่งราคาค่าสมุดที่ผมขอซื้อต่อนั้นอยู่ที่เล่มละ 700 บาท เป็นราคาประเมินจากราคาของ Moleskine ประเภท planner ที่ขายในเมืองนอกแล้วตีเป็นค่าเงินไทยครับ ก็ถือว่าฟินกันไปทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับ(หืม?) คนนึงได้เงินเติมบัตรมูลค่า 3,000 ด้วยเงิน 2,300 ไออีกคนก็ได้สมุดแมงดาวที่เค้าแจกฟรีมาในราคา 700 บาท
รู้สึกฉลาดจัง…
คนที่สอง
สมุดแมงดาว Moleskine Starbucks Thailand Monthly Planner 2016 นั้นทำออกมาด้วยกันถึง 2 เล่มสองสีครับ เล่มแรกสีดำเราก็ได้ทำการเสียเงินให้กับบีบี้ไปแล้ว ทำไงดีล่ะเงินหมดแต่อยากได้มารีวิว? เราก็ต้องทำการยืมนะซี่! และหญิงสาวผู้ที่ทำการอุปการะผม(ทำไมรู้สึกเหมือนหมา?) เธอไม่ใช่ใครที่ไหนครับเพราะเคยได้ฝากผลงานการ “ยั่วกิเลส” ไว้กับผมมากมาย เธอผู้นี้ก็คือ “คุณหลินหลิน(นามสมมติ)” เป็นอีกคนนึงครับที่หลงใหลในกาแฟดาวคอฟฟี่…กาแฟแมงดาวสิถึงจะถูก! ผมเลยใช้วาจาพร้อมด้วยรูปโฉมอันพราวเสน่ห์หลอกล่อเธอให้ถอยสมุดมาสักอีกสักเล่ม ซึ่งก็โป๊ะเช๊ะเป็นเล่มสีเขียวพอดี ก็เลยได้กราบกรานขอยืมมารีวิวกันในครั้งนี้
หน้าตาของสมุดทั้งสองเล่มนั้นสวยงามทีเดียวครับ Moleskine ทั้งสองเล่มบนหน้าปกนั้นมีการปั้มลึกเป็นรูปโลโก้ขนาดใหญ่ของ Starbucks เอียงนิดๆ พอเก๋ไก๋ ที่ด้านบนนั้นเป็นตัวหนังสือเลขปีขนาดใหญ่(มากๆ) ปั้มลึกอยู่ตรงกลางของปกสมุด ตัวเลขนี้จะแบ่งเป็นแบบไม่มีสีคือเลข 20 และอีกสองตัวคือ 16 ที่จะใช้วิธีลงสีเงินวาววับเตะลูกตาหลุดกระจุยครับ
เชือกรัดสมุดและเชือกคั่นหน้ากระดาษทำออกมาได้สีสันสวยงามเข้ากับสมุดทีเดียวครับ โดยเล่มสีดำนั้นจะใช้เชือกรัดสีเขียว Starbucks ที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่านี่แหละสมุดแมงดาว แถมมีการตัดสีด้วยเชือกคั่นหน้ากระดาษสีแดงสด เด่นทั้งเชือกรัดและเชือกคั่นเลยทีเดียว
อีกเล่มก็สวยงามไม่แพ้กัน ผมเข้าใจว่าเนื่องด้วยการออกแบบเล่มนี้ทำขึ้นในช่วงที่ใกล้กับเทศกาลคริสต์มาส เค้าเลยจงใจจะใช้สีเขียวอ่อนพร้อมด้วยเชือกรัดสมุดสีแดงเข้าธีมคริสต์มาสกันให้สุดติ่ง แต่เสียดายที่เชือกคั้นหน้ากระดาษนั้นกลับใช้สีเหลืองโทนเดียวกันกับสีของสมุด เลยทำให้ความเด่นของลดน้อยถอยลงไปนิด แต่ก็ไม่ได้เป็นสาระสำคัญอะไร ยังไงก็ดีกว่าเชือกคั่นสีเทาเชยๆ แบบธรรมดาอ่ะนะ กรั่ก
ที่สันสมุดนั้นจะมีการพิมพ์ข้อความเพื่อบ่งบอกว่าข้านี่แหละคือสมุดที่แจกฟรีมาจาก Starbucks Coffee Thailand ซึ่งตัวหนังสือสีเงินที่พิมพ์ติดอยู่นั้นก็มีขนาดที่ใหญ่(มากๆๆ) ผิดวิสัยของ Moleskine เรียกได้ว่าเดินถือสมุดเล่มนี้ไปไหน ใครต่อใครก็บอกได้ทันทีว่าเป็นสมุดของ Starbucks ตั้งแต่เข้าระยะ 300 เมตร …และดูรู้ว่าเป็นสมุดแจกฟรี และเมื่อพลิกสมุดมาที่ด้านหลัง ก็จะเห็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นสมุดผลงานร่วมกันระหว่าง Moleskine และ Starbucks ตรงนี้สวยหน่อยไม่โดดมาก ยังคงความเป็น Moleskine ไว้เหมือนเดิม
Moleskine Starbucks Thailand Monthly Planner 2016 นั้นเป็นสมุดแบบ monthly planner ครับหรือก็คือสมุดบันทึกในรูปแบบรายเดือน และเมื่อเป็น monthly planner จึงต้องมีฟังก์ชั่นการใช้งานของการเป็นสมุดจดงานตามที่ชื่อได้ประกาศไว้ สมุดเล่มนี้มีหน้าที่ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลไม่ว่าจะเป็นหน้า ข้อมูลส่วนตัว, ปฏิทินรายปี, หน้าบันทึกตามวันหยุด และปฏิทินแบบรายเดือนช่องใหญ่สะใจ นอกจากหน้ากระดาษแบบ planner พวกนี้ หน้าที่เหลือก็จะเป็นหน้ากระดาษสำหรับใช้จดบันทึกครับ
กระดาษมี 3 แบบ
ไอหน้ากระดาษเยอะๆ ที่เหลือจากส่วนที่เป็น planner นั้นก็คือหน้าสมุดสำหรับจดบันทึกซึ่งประกอบด้วยหน้ากระดาษ 3 แบบอันได้แก่ ruled เส้นบรรทัด, grid เส้นตาราง และ dot จุดตาราง อยากจดบันทึกก็ใช้แบบไหนก็ได้ หรือจะออกแบบวาดกราฟเขียน UI ก็ใช้แบบ grid หรือแบบ dot กันไป แต่สิ่งนึงที่ผมไม่เข้าใจก็คือว่า ไหนๆ ก็ใส่หน้ากระดาษมาตั้งหลายแบบแล้ว ทำไมไม่มีหน้ากระดาษแบบว่างๆ หรือที่เรียกว่า plain ติดมาด้วย? ไม่คิดว่าคนอื่นเค้าอยากสเก็ตช์ภาพแบบไม่มีจุดอะไรเกะกะสายตาบ้างเหรอ? อันนี้งง
หน้าแทรกสุดสวย
ส่วนที่ผมชอบมากที่สุดในสมุด Moleskine เล่มนี้ก็คือหน้าพิมพ์สี่สีที่แทรกอยู่ระหว่างหน้าสมุดครับ ซึ่งเป็นภาพสวยงามจัดตัวหนังสือเล่าเรื่องราวของ Starbucks มีด้วยกัน 5 หน้าคู่ 10 หน้ากระดาษ ถือว่าจดไปเขียนไป พลิกหน้าถัดไปเจอภาพสวยๆ ที่ไม่ซ้ำใครก็เจ๋งไม่หยอกเลยนะ
คูปอง
คนที่ได้ครอบครองแล้วต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันครับว่า “ทำไมไม่มีสติกเกอร์?!” จริงอยู่ที่สมุด Moleskine เล่มพิเศษๆ มักจะมีสติกเกอร์ที่เข้าธีมกับสมุดสอดแทรกเข้ามาในซองด้านหลัง แต่กับสมุดเล่มนี้ไม่มีครับ! แต่สิ่งที่ได้ทดแทนมาก็คือ “คูปองสำหรับใช้ในร้าน Starbucks” ซึ่งจะมีด้วยกัน 4 ใบ ต่างโปรโมชั่นกันในทุกๆ 3 เดือน ยกตัวอย่างเช่น “ซื้อเครื่องดื่มขนาด 12 ออนซ์ ขึ้นไป 2 แก้ว สามารถนำคูปองใบนี้ไปรับเค้กมากินมาถ่ายรูปเกร๋ๆ ได้ฟรี” หรืออีกใบที่บอกว่า “ซื้อเครื่องดื่มขนาด 12 ออนซ์ 3 แก้วในราคา 2 แก้ว (คือ 2 แถม 1 ได้แถมแก้วที่ถูกที่สุดฟรี)” …ไม่เสียเงินไม่ได้กินฟรีสินะ ยาจกอย่างผมได้แต่นั่งทำตาปริบๆ
บทวิภาค
ทำไมใช้คำเชย? อย่างที่เรารู้กันดีว่าไม่ว่าสมุดในตำนาน Moleskine เล่มใดก็ตามที่ได้มีการถูกออกแบบและผลิตออกมา ไม่ว่าจะเป็นแบบธรรมดาทั่วไปหรือแบบ Limited Edition นั้นก็ล้วนแล้วแต่จะมี “ลักษณะเฉพาะ” ที่สื่อให้รู้ว่านี่แหละคือสมุด Moleskine ไม่ว่าจะเป็นการใช้ลายหรือรูปภาพบนสมุด การวางตัวหนังสือ หรือการใช้สีและลูกเล่นต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งคอนเซ็ปจะเป็นการ “เน้นหัวข้อ” ของสมุดเล่มนั้นๆ โดยใช้องค์ประกอบหลักเป็นจุดที่เด่นที่สุดและไม่ให้มีองค์ประกอบอื่นมาทำให้ภาพรวมดูขัดตา หรือดึงสายตาออกไปจากหัวข้อหลัก
แต่สมุดแมงดาวเล่มนี้มันเลอะเทอะ!
เลขปี
ที่ผมบอกว่ามันเลอะเทอะนั่นก็เพราะว่า หากคุณผู้อ่านลองดูบนหน้าปกของสมุดทั้งสองเล่มด้วยกันนะครับ เห็นอะไรมั้ย? ใช่แล้ว! ไอตัวเลข 2016 ที่ด้านบนของสมุดมันใหญ่และเด่นเว่อร์มากกกกกกก มากๆๆๆๆ น่าเกลียดมาก! อันที่จริงภาพรวมของสมุดมันดูดีมากเลยนะ มีการปั้มลึกเป็นรูปโลโก้ที่ใหญ่และดูเด่นลงบนปกสมุด แต่มาเสียที่ไอเลขปีนี่แหละ ถ้าหากเอาตัวเลข 2016 โดยเฉพาะเลข 16 ที่เป็นสีเงินเลื่อมๆ ออกจะทำให้สมุดดูดีมีราคามากกว่านี้เยอะเลย
มาถึงตรงนี้คุณอาจจะแย้งว่า “ก็ในเมื่อมันเป็น planner มันก็ต้องมี ‘ปี’ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นสมุดของปีอะไรยังไงล่ะ” มันก็ใช้นะแต่ควรจะต้องผ่านการคิดและออกแบบที่มีความเป็น Moleskine มากกว่านี้ครับ ลองดูตัวอย่างสมุด Moleskine Starbucks ของสิงคโปร์ เล่มของปีนี้ 2016 ดูก็ได้ครับ จะเห็นว่าเป็น planner ของปี 2016 เหมือนกันแต่มีการใช้เลข 2016 ที่ไม่ดูโดดเด่นมากมายจนรู้สึกขัดตา ใช้ตัวอักษรขนาดเล็กวางในตำแหน่งที่เหมาะสม สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นของปี 2016 และไม่เด่นสะดุดตาแย่งความสำคัญไปจากโลโก้ Starbucks จนหมดเกลี้ยง
กรณีศึกษาอีกอันนึงเรื่องการใช้ตัวเลขปี ก็สามารถดูได้จากสมุด Moleskine Weekly Planner 2015 ของ Starbucks ประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นสมุดของเมื่อปีที่แล้ว (2015 STARBUCKS WEEKLY PLANNER) จะเห็นว่าหน้าตาคล้ายๆ กับสมุดแมงดาวของไทยในปีนี้เลยครับ แต่มีการเลือกใช้ฟอนต์ที่ดูเข้ากับดีไซน์และลดทอนตัวเลขปีให้เหลือแค่ ’15 และวางเด่นไว้กลางสมุดเลย “ทำไมอันนี้ถึงดูเข้ากัน?” เออนั่นสิผมก็งง ผมรู้ครับว่ามันเด่นสะดุดตาแต่ก็ไม่รู้ครับว่าทำไมถึงไม่ขาดๆ เกินๆ เมื่อเทียบกับเล่มที่อยู่ในมือนี้ อาจเป็นเพราะมีการชัดเจนในเรื่องการใช้ตัวหนังสือไม่เหมือนกันเล่มนี้ที่เลข 20 เป็นปั้มลึกแบบไม่ทาสี แต่เลข 16 ปั้มลึกแต่เงาวับเลย คือมันผสมกันเกินไปผิดคอนเซ็ป Moleskine อันนี้ดูรก
สี
ผมเดาว่าที่สมุด Moleskine Starbucks ของไทยเล่มสีเขียวนี้คงอยากทำออกมาให้เข้ากับเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง เลยตั้งใจเลือกใช้ “สีเขียวอ่อน” และเชือกรัดสมุดสีแดงซึ่งเป็นคู่สีเดียวกับ Moleskine Starbucks Weekly Planner 2015 “ซึ่งคล้ายกับ” สมุดเล่มปีที่แล้วของประเทศเกาหลีเลย(ไม่ต้องให้คล้ายกันมากขนาดนั้นก็ได้นะครับ) ตรงนี้ผมก็ไม่ได้มองว่าผิดปรกติหรือไม่สวยอะไรหรอกนะ เพียงแต่โดยความเห็นส่วนตัวของผมนั้นผมมองว่า “เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ Starbucks Thailand ทำสมุด Moleskine ออกมาแจก ก็น่าที่จะเลือกใช้สีที่เข้ากับองค์กรเข้ากับแบรนด์มากกว่านี้ และควรให้โดดเด่นไม่ต้องไปเหมือนกับ Starbucks ของประเทศอื่นเค้าก็ได้” ซึ่งเล่มเขียวอ่อนนี้อาจจะใช้เป็นสีเขียวเข้มของ Starbucks ที่เราต่างคุ้นตาเสียก็ได้ รับรองว่าจะต้องถูกใจแฟนๆ ของ Starbucks และไม่โดนเม้าท์แน่นอน
สัน
ไอสันนี่แหละครับที่ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดเป็นที่สุด เพราะตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ผมยังไม่เคยเห็นสมุด Moleskine เล่มใดที่พิมพ์ตัวหนังสือขนาดเบ้อเร่อลงบนสันสมุดแบบนี้ (อย่างน้อยก็ Moleskine ทุกเล่มที่ผมมีในครอบครองล่ะ) มากสุดที่เคยเห็นก็แค่เป็นตราสัญลักษณของ JRR Tolkien สีแดงเล็กๆ ที่ส่วนบนสุดของสันสมุดเล่ม Moleskine : The Hobbit Limited Edition 2013 เท่านั้นซึ่งมีไว้พอสวยงาม น้อยแต่มากและความหมายยิ่งใหญ่ แต่กับสมุด Moleskine Starbucks Thailand Monthly Planner 2016 เล่มนี้เล่นเอาผมเห็นแล้วอ้าปากหวอเลยครับ มันใหญ่มาก! (เติม ๆ ไปอีก 3 ตัวด้วยก็ได้) แน่นอนว่าถ้าเราวางสมุดเล่มนี้ไว้บนชั้นหนังสือในห้องรวมกับสมุดในตำนาน Moleskine เล่มอื่นๆ ก็จะสามารถหยิบได้ง่ายเพราะตัวหนังสือบนสันมันเด่นชัด แต่อีกมุมนึงคือมันเหมือนกับเป็นสมุดแปลกปลอมที่มาอาศัยชั้นหนังสือของ Moleskine อยู่อาศัย กลายเป็นว่าสมุดเล่มนี้ไม่เท่เอาเสียเลย ดูเหมือนพวกสมุดที่ทำแจกในบริษัททั่วๆ ไปมากกว่า และที่สำคัญคือ “ดูไม่เป็น Moleskine”
ผมไม่ทราบหรอกนะครับว่าการทำ Moleskine Custom Made แบบนี้เป็นการออกแบบของทางไหน Moleskine เอง หรือ Starbucks สำนักงานใหญ่ที่อเมริกา หรือว่าจะเป็น Starbucks ของประเทศไทยกันแน่ แต่อย่างน้อยเล่มนี้ “น่าจะมีความเป็น Moleskine” มากกว่านี้นะ ไม่ใช่ว่ารู้เพราะดูเอาจากกระดาษคาดสมุดหรือผ่านทาง PR แต่ต้องให้ “จับขึ้นมาแล้วรู้ได้เลยว่าเป็น Moleskine” ถึงจะถูกที่สุดครับ
…บอกแล้วว่าความเห็นส่วนตัวของผมคนที่สะสมสมุด Moleskine ดังนั้นอย่าดราม่านะ…เค้ากลัวเว็บล่ม
ปากก็บ่นนู่นบ่นนี่ไปเสียเยอะ ว่าเกลียดนู่นเกลียดนี่ไปเสียมาก แต่สุดท้ายผมก็อดไม่ได้จริงๆ ครับที่สักครั้งนึงในชีวิตจะได้ครอบครองสมุด Limited Edition ของ Starbucks อย่าง Moleskine Starbucks Thailand Monthly Planner 2016 เล่มนี้ แน่นอนว่าถ้าเราไม่ได้ใช้ส่วนของ planner เราก็ยังใช้หน้ากระดาษแบบอื่นมาใช้สำหรับจดบันทึกได้ มีหน้าพิมพ์สี่สีแทรกให้อ่านและดูรูปเพลินๆ แถมยังมีคูปองให้ไปใช้กินกาแฟฟรีอีกด้วย แน่นอนว่าหากมองข้ามรายละเอียดที่ผมได้พูดถึงออกไป สมุดเล่มนี้ก็ถือเป็น Moleskine ที่สวยงามน่าสะสมทีเดียวเลยนะ เห็นด้วยมั้ยครับ?
ขอขอบพระคุณ
- คุณหลินหลิน(นามสมมติ) ที่ให้ตัวข้าหยิบยืมสมุดมารีวิวแถมยังเล่าเรื่องเมมเบอร์ประเภทต่างๆ ยั่วกิเลสให้ฟังด้วยครับ ขอบคุณครับ!
- บีบี้(นามสมมติ) เพื่อนผู้ใจดีที่ยอมขาดทุน เติมเงิน 3,000 บาทด้วยเงินเพียง 2,300 บาทแล้วเอาสมุดฟรีมาขายด้วยครับ ขอบคุณจ้าาาา (อย่ามาด่ากุหลังไมค์นะกุแค่แซวเล่น)