ถ้าพูดถึงคำว่า “ป้อม” คุณจะนึกถึงอะไรครับ? ถ้าถามผมผู้ที่ชื่นชอบปากกาหมึกซึมแล้วละก็ สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเลยก็คือปากกาป้อมๆ ยี่ห้อ Kaweco รุ่น Sport ทั้งหลายแหล่นั่นแหล่ะ ทีนี้ถ้าถามถึงคำว่า “บิ้กป้อม” กันบ้างล่ะ หลายคนก็จะปรมมือตะโกนก้องร้องเชียร์กันเลยล่ะสิครับ “เค้าคือไอด้อลของชั้น!” “โอ้ยคนนี้เค้าเฟรนด์ลี่เพื่อนเยอะ!” แต่สำหรับผมแล้ว คำๆ นี้ชวนให้นึกถึงปากการูปร่างป้อมๆ เขียนดีๆ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยนามว่า Opus 88 Koloro ต่างหากล่ะ
…นี่คือรีวิวตอนแรกของปีที่จะพาให้ทั้งเว็บและเจ้าของเว็บปลิวไปพร้อมๆ กัน
Opus 88 Koloro : Teal [คลิกไปส่องกันรัวๆ] คือปากกาแห่งหยดหมึกที่ผมนำมาให้ชมกันในวันนี้ครับ ที่ผมพูดเกี่ยวกับคำว่า “หยดหมึก” นั้นก็เพราะว่าวิธีการใช้งานของมันไม่เหมือนใคร จริงๆ เพราะเจ้าปากกาด้ามนี้มันคือปากกาที่มีระบบเติมหมึกแบบ “eye dropper filling mechanism” อ่านออกเสียง “อายดรอปเปอร์ฟิลลิงแมคเคอะนิซึม” …จะอ่านให้ฟังเพื่อ? จะว่าไปแล้วนี่ก็ถือเป็นการเปิดซิงครั้งแรกของผมกับลำปากกาประเภทนี้เลยทีเดียว …ทำไมดู 18+ จังหว่า
ก่อนอื่นเลยขอพูดถึงแบรนด์ปากกา Opus 88 นิดนึง อ่านชื่อแล้วคงจะคิดว่าปากกาด้ามนี้มาจากฝั่งยุโรปหรือประเทศแถบๆ นั้นอ่ะนะ แต่จริงๆ แล้วต้นกำเนิดของปากกาด้ามนี้มาจากประเทศใกล้ๆ ไม่ห่างไกลเราเลยนั่นก็คือประเทศไต้หวัน ดีไซน์ของปากกาแต่ละด้ามของเค้าก็จะออกแนวดูหรูหราและดีมีอายุสักนิดนึง ใครอยากเห็นปากกาด้ามอื่นๆ ขอให้ลองเข้าที่เว็บไซต์นี้นะ http://www.jingi.com.tw/ แต่เอาจริงๆ นะผมว่าตัว Koloro นี่ดูตรงจริตกับผมที่สุดล่ะ กร๊าก
ด้ามที่ผมได้รับมานั้นเป็นสี Teal ครับ เป็น 1 ใน 4 ของสีทั้งหมดที่เป็นรุ่น Koloro แบบปรกติอันได้แก่สี Teal (ด้ามนี้), Yellow, Red และ Blue แต่ถ้าลองดูในเว็บของคุณแฟร้งค์ มันจะมีอีกด้ามชื่อ Koloro เหมือนกันแต่หน้าตาจะไม่เหมือนกับด้ามอื่น มันมีชื่อว่า Opus 88 Koloro demonstrator ก็คือด้ามใสนั่นเอง
แกะกล่อง มีอะไรให้บ้าง
เห็นหน้าตากล่องครั้งแรกผมรู้สึกได้ถึงระดับของความไฮโซครับ คือตัวกล่องปากกานั้นจะมีซองกระดาษสีน้ำตาลมีเท็กซ์เจอร์คล้ายเสื่อสานและโลโก้ของ Opus 88 พิมพ์พิเศษสีท๊องทองประทับอยู่บนนั้น เมื่อเลื่อนสไลด์ซองด้านนอกออกก็จะพบกับกล่องสีดำข้างในครับ ไอกล่องนี้อ่ะ ผมเห็นทีแรกนี่แบบโง่แด่ไปเลยเพราะเปิดไม่ออก เสียเวลาเลื่อนกล่องนานมากแต่กลายเป็นกล่องแบบฝาแม่เหล็กเปิดจากด้านบน…
ภายในกล่องจะบุโฟมสีเทาที่เจาะร่องเพื่อให้ยึดตัวปากกากับหลอดหยดให้แน่นหนาไม่เลื่อนไปไหน ในกล่องก็ไม่มีอะไรมากครับ มีแค่กระดาษคู่มือการใช้ปากกา 1 เล่ม ตัวปากกา Opus 88 Koloro 1 ด้าม และก็ไฮไลท์ของงานวันนี้คือ หลอดหยดหมึก eye dropper นี่คงสงสัยกันสินะว่าให้มาทำไมฟระ?
หน้าตาโดยรวม
ตัวปากกามีหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์มากครับ คือเป็นปากกาที่มีส่วนทึบตัดสลับกับส่วนใสไปตลอดทั้งด้าม รูปทรงของปากกานั้นเป็นเหมือนกับซิการ์ที่ป่องตรงกลางแต่ปลายทั้งสองข้างนั้นเรียวลง โดยส่วนของปลอกปากกาก็จะใหญ่โตกว่าตัวด้ามอยู่พอสมควรและยังคงเป็นรูปทรงซิการ์ด้วยเช่นกัน
ด้าม Teal ของผมนั้นมีส่วนใสเป็นสีฟ้าอมเขียวครับ ไอตรงส่วนใสนี้เผยให้เห็นทั้ง nib สีเงินด้านในและยังเผยให้เราเห็นปริมาณหมึกที่บรรจุอยู่ภายในตัวด้ามด้วย ส่วนทึบของปากกานั้นเป็นสีน้ำตาลกากีที่มีลวดลายที่มองผ่านๆ แล้วเหมือนพวกหินอ่อนไม่ก็ไม้ก๊อก ภาพรวมของปากกาจึงเป็นปากกาที่มีสีเหมือนแผ่นไม้จากเรืออับปางที่ลอยอยู่กลางทะเลสีฟ้าเขียว(พลังมโน) ประดับตกแต่งด้วยวงแหวนเส้นเงินสะท้อนแสงในส่วนของคลิปและส่วนก้นปากกา และเมื่อหมุนเกลียวปลอกปากกาออกดูก็จะเห็นส่วนของมือจับที่เป็นสีใสเหมือนกับตัวด้ามด้วย
คลิป
คลิปนี่อ่ะโคตรจะมีความ “โคตรคลาสสิค” เลยครับ (…ในรีวิวตอนนี้เป็นการใช้เรียกแทนคำว่าเชย กร๊าากกกก หัวเราะทำไมขำเหรอ?) คลิปเป็นสีเงินโครเมี่ยมเงางามสะท้อนแดดวิววับเหมือนเพชรบนแหวนของบิ๊กป้… ข้ามเนาะกลัวไม่ได้อัพตอนหน้า คือเค้าออกแบบได้มีความเว้าความโค้งตามสไตล์ปากกา vintage ปลายด้านล่างของคลิปออกแบบให้คล้ายหยดน้ำลายที่กำลังไหลหยดมาจากมุมปากของรัฐมนโท บากลายทั้งสองข้างให้เป็นร่องเล็กๆ ยิบๆๆๆๆๆ ให้ดูมีมิติเพิ่มมากขึ้น
ข้อแนะนำ
…อย่าถือปากกาแล้วเผลอยกมือบังแดดล่ะ เดี๋ยวจะบอกไม่ถูกว่าเป็นปากกาของเพื่อนหรือของตัวเองกันแน่ แอร๊ยยย (ทำไมมึงยังไม่หยุด?)
ขนาด น้ำหนัก จับถือ(เสียบปลอก)
เอาจริงๆ เลยนะ ผมเห็นครั้งแรกผมคิดว่าปากกาที่ใหญ่โตและมีความป้อมด้ามนี้มันต้องแอบหนักแน่ๆ แต่อย่าให้รักแรกพบนั้นหลอกตาคุณ! ไปเอามาเลยครับไปเอา Lamy Safari ของคุณมาเทียบกันเลย ผลปรากฎว่าจริงๆ แล้วขนาดรูปร่างของ Koloro นั้นไม่ได้ยาวใหญ่หรือป้อมหนากว่าลามี่ซาฟารีเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะทั้งตอนที่เสียบหรือถอดปลอกออกก็ตาม เพียงแค่รูปร่างหน้าตาของมันมีส่วนที่ปูดยื่นปูดโค้งก่อให้เกิดความรู้สึกว่ามันใหญ่ก็เท่านั้นเอง จับถือทั้งสวมปลอกหรือถอดออกก็ถนัดรับเข้าอุ้งมือดีครับ
น้ำหนักก็ไม่ถือว่าหนักมากมายอะไรเลย สวมปลอกอยู่ที่ 24.5 กรัม และถอดอยู่ที่ 13.5 กรัมเท่านั้น ผมลองวัดสมดุลปากกาด้วยการวางบนนิ้วมือ (ขอโทษทีลืมถ่ายรูปอ่ะ กร๊าก) พบว่าน้ำหนักปากกาจะหนักไปทางหัวปากกา ถ้าไม่เสียบปลอกเข้าที่ก้นปากกาก็จะไม่พบกับปัญหาหน้ายกก้นตกแต่อย่างใด
ระบบหมึก
อย่างที่ได้บอกไปตั้งแต่ตอนต้นว่าเจ้าปากกาด้ามนี้มันมีระบบหมึกแบบ “eye dropper filling mechanism” หรือก็คืออาศัยตัวด้ามเป็นตัวบรรจุหมึกไปเลยโดยมีวิธีการเติมหมึกแบบหยดหมึกลองไป นั่นจึงเป็นที่มาของการที่เค้าใส่หลอดหยดหมึก eye dropper มาให้ด้วยนั่นเอง
วิธีการเติมนั้นออกจะรุงรังนิดๆ นั่นก็คือ เราต้องหมุนเกลียวส่วนของมือจับออกจากตัวด้ามปากกา ซึ่งถ้าเราส่องดูจะเห็นว่ามันจะมี “วงแหวนยาง” หรือที่เรียกกันว่าซีลยางกั้นอยู่ตรงเกลียวด้วย ที่ต้องมีก็เพราะปากกาด้ามนี้จำเป็นต้องมีซีลยางเพื่อป้องกันหมึกที่บรรจุอยู่ในตัวด้ามไหลซึมออกมานั่นเอง
หมึกที่ผมจะเติมในวันนี้เป็นหมึกดำกันน้ำตัวเทพที่ผมใช้ในทุกๆ ด้าม De Atramentis Document Ink : Black เปิดฝาออกแล้วเอา eye dropper จุ่มสูบแล้วก็หยดลงในตัวด้ามเลยครับ เวลาหยดก็ระวังๆ นิดนึงนะเพราะที่ภายในนั้นมันจะมี “ก้านกั้นหมึก” อยู่ด้วย ถ้าเราหยดเร็วๆ รัวๆ หมึกอาจจะไหลลงไปไม่ทันเดี๋ยวจะเลอะเทอะได้นะ และเมื่อเติมเสร็จเรียบร้อยก็เอาส่วนของกริปมาหมุนคืนเหมือนเดิมเป็นอันพร้อมใช้งาน
แต่มันยังเขียนไม่ได้นะ!!
เอ้าทำไมล่ะ?! อย่างที่ผมบอกไปตะกี้ว่าข้างในด้ามปากกามันมีก้านกันหมึกอยู่ด้วย แล้วมันเอาไว้ใช่ทำอะไรว้า? คือกลไกด้านในของปากกา Koloro ด้ามนี้มันจะมีก้านกั้นหมึกไว้สำหรับป้องกันไม่ให้หมึกไหลทะลักท่วมส่วนหัวของปากกา ตรงส่วนก้นของปากกาจึงมีกลไกให้เราสามารถหมุนเพื่อเลื่อนก้านกั้นหมึกนี้ได้ ในสถานะปรกตินั้น ก้านกั้นหมึกมันยื่นปิดสนิทที่ภายในในส่วนของ ink feed ทำให้ไม่ว่าจะพกพาไปไหนหรือขึ้นเครื่องบินหมึกก็จะไม่ไหลทะลักหากเราปิดไว้ แต่ถ้าต้องการจะเขียนแล้วละก็ เราก็เพียงแค่หมุนส่วนก้นปากกาเปิดออกนิดนึงเพื่อให้อากาศได้ไหลเข้าไป หมึกก็จะไหลพร้อมเขียนแล้วล่ะ
nib
ตัว nib นั้นมีด้วยกันทั้งหมดสามขนาดครับ คือ F H และ M ถุย! มี F M และก็ B ต่างหากเล่า! ซึ่งตัวที่ผมได้รับมานั้นแน่นอนว่าต้องเป็นขนาด F ครับเพราะผมชอบอะไรเล็กๆ กะทัดรัด ยิ่งสาวๆ ตัวเล็กๆ นี่นะ อื้อหืออออออ เปรี้ยวปากโว้ยขอมะขามหน่อย! พอเติมหมึกอย่างยากลำบากและบิดก้นน้องนิดๆ เพื่อเปิดช่องให้หมึกไหลแล้วก็เลยเอามาลากเส้นเทียบกับ Lamy Safari ครับ ซึ่งผลที่ออกมาคือขนาดของเส้นมันจะอยู่ราวๆ ใหญ่กว่า EF แต่ไม่ได้ใหญ่ไปกว่า F ของลามี่นะ ซึ่งผมชอบหว่ะ! เป็นขนาดที่ไม่เล็กเกินไปแต่ก็ไม่หนามากกำลังสวยเลย วาดรูปสายขี้เกียจแบบผมกำลังดีเลย
ลองเขียน
ลากเส้นแล้วก็มาเขียนกันเลยดีกว่า ผมเลือกสมุดเล่มโปรดสำหรับการทดสอบนั่นก็คือ MD notebook เล่มเส้นตาราง grid แว่บแรกที่เขียนนั้นรู้สึกได้ถึงคุณภาพของ nib เลย คือมันก็เป็น nib แบบกลมแข็งๆ นี่แหล่ะครับ ไม่ได้มีความ flex หรือสปริงตัวอะไรเลย แต่ว่าปลายปากกาอ่ะทำมาอย่างดีเลย เขียนได้ลื่นสนุกมือทีเดียวนะ ทีแรกผมนึกว่าผมคิดไปเองคนเดียวเลยพกไปให้เพื่อนๆ ในออฟฟิศที่ใช้ปากกาหมึกซึมได้ลองกันด้วย แต่ละคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันนะว่าเขียนดีงามมากแบบไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่รู้ว่าเขียนดี เอ้ายังไงวะ?!
เรื่องการไหลของหมึกตรงนี้ก็ไหลดี ออกไปทาง wet นิดๆ แต่ไม่ได้ท่วมมากมายอะไร จ่าว่าไปไอการที่หมุนท้ายปากกาให้หมึกไหลมันไม่ได้ช่วยให้หมึกไหลเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งการเขียนแบบหวัดๆ ไวๆ แบบผมนั้นก็เขียนได้ตลอดรอดฝั่งและไม่มีอาการหมึกขาดช่วงอะไรให้หงุดหงิดใจ
ซื้อที่ไหน? ราคาเท่าไหร่?
มาหล่อขนาดนี้จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ครับถ้าไม่ใช่ร้านปากกาของคุณแฟร้งค์ fontoplumo.nl นั่นเอง โดยเจ้าปากกาด้ามนี้มีราคาขายเมื่อรวมทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะใช้ส่วนลด 10% “bbblog” แล้ว ได้รับการยกเว้นภาษีประเทศนอกกลุ่มยุโรป รวมถึงคิดค่าส่งแบบมี tracking no. มายังประเทศไทย ราคาจะตกอยู่ที่ด้ามละ €75.12 หรือเป็นเงินไทยอยู่ที่ 2,927 บาท ถือว่าราคาน่าโดนจริงๆ กับปากกาดีไซน์คลาสสิคหน้าตาเป็นเอกลักษณ์แถมยังเขียนดีงามฝุดๆ ด้ามนี้
แต่คนที่สนใจอยู่อาจจะต้องรอหน่อยนะครับ เพราะผมเข้าไปเช็คที่ร้านคุณแฟร้งค์มาก็เหลือแค่เพียงด้ามสีเหลืองสีเดียวนะ ด้ามสีอื่นๆ ขายดีเกินไปตอนนี้รอเข้ามาเติมสต๊อกอยู่ครับ แต่ก็สามารถไปกดๆ pre-order กันก่อนก็ได้นะไม่ว่ากัน
เข้าไปจัดได้ที่นี่นะ : https://fontoplumo.nl/shop/en/169-opus-88-fountain-pens
ความเห็นจากบีบีบล็อก
จริงๆ แล้วปากกาด้ามนี้ถือเป็นปากกาที่เขียนได้ดีทีเดียวเลยนะ หัวอ่ะเขียนลื่นสนุกมาก หมึกก็ไหลได้ดีเป็นที่น่าพอใจเลยแหล่ะ หน้าตาก็ถือว่าสวยงามแบบคลาสสิคๆ แต่ก็แอบดูทันสมัยอยู่เหมือนกันด้วยการเล่นสีและการเลือกใช้วัสดุ แต่ว่าสิ่งนึงที่ผมติดใจนั่นก็คือ เจ้าก้านหมึกที่อยู่ด้านใน
คืออย่างงี้ โดยปรกติแล้วปากกาประเภท eye dropper pen จุดแข็งใหญ่สุดๆ นั่นก็คือ “สามารถบรรจุหมึกได้เยอะมากๆ” เพราะว่าปากกาแบบนี้มันใช้ทั้งด้ามปากกาเป็นที่เก็บหมึกไง แต่ทีนี้ด้วยการใส่กลไกก้านกั้นหมึกด้านในเข้ามา คือมันก็มีประโยชน์ตรงที่ช่วยป้องกันหมึกไม่ให้ไหลทะลักเวลาเคลื่อนย้าย แต่ในอีกมุมนึงก็คือ ไอก้านนี้มันทำให้พื้นที่ในการบรรจุหมึกลดลงด้วยเช่นกัน
อีกข้อนึงที่อาจจะสร้างความหงุดหงิดให้เราได้บ้างก็เรื่องความไม่ทันใจเวลาใช้งาน นั่นก็เป็นเพราะว่าเวลาเราจะเขียน เราก็จะต้องหยิบปากกามาหมุนที่ก้นเปิดออกนิดนึงเพื่อให้หมึกไหล ต่างกับพวกปากกาที่มีระบบหมึกแบบปรกติอย่างลามี่หรือยี่ห้ออื่นๆ ที่เปิดปลอกแล้วก็สามารถเขียนได้เลย แต่ถึงอย่างนั้น ในการใช้งานแบบสั้นๆ เช่นหยิบขึ้นมาเซ็นลายเซ็นก็ไม่จำเป็นต้องหมุนก้นทุกครั้งไปนะ เพราะว่ามันจะยังคงมีหมึกเหลือค้างอยู่ใน ink feed จากการใช้งานในครั้งก่อนอยู่บ้าง ดังนั้นเราจะได้หมุนก้นจริงๆ จังๆ ก็ต่อเมื่อจะเขียนอะไรที่มีความยาวสักหน่อยนั่นเอง
ถือเป็นปากกาอีกด้ามนึงที่น่าสนใจและเขียนได้ดีงามจริงๆ สมกับที่เป็นรีวิวแรกของปีนี้จริงๆ Opus 88 Koloro ด้ามนี้ หน้าตาที่สวยงามแบบคลาสสิคแต่ก็ไม่ได้ดูเชยมากด้วยการออกแบบหน้าตาและการเลือกใช้วัสดุ ระบบหมึกที่น่าสนใจและมีความพิเศษช่วยป้องกันหมึกทะลักหากต้องเดินทางบ่อยๆ หรือขึ้นเครื่องบินเป็นประจำ แต่สำหรับคนที่ชอบความสะดวกความใช้ง่าย อาจจะต้องหยุดคิดนิดนึงเพราะมีความเยอะตอนเติมหมึกกับตอนเริ่มเขียน แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น หากคุณต้องการปากกาเขียนดีๆ สักด้าม Opus 88 Koloro เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจควรค่าแก่การเสียเงินรับปีใหม่ปีนี้จริงๆ ครับ
ขอขอบพระคุณ
คุณแฟร้งค์ ผู้ใหญ่ใจดีแห่งร้านปากกายอดนิยมของชาวไทย fontoplumo.nl ที่สนับสนุนปากกาหมึกซึมเจ๋งๆ แบบนี้มาให้ได้รีวิวกันนะครับ ตื่นตาตื่นใจมากเลย ขอบพระคุณครับ!!