ตั้งแต่อ่านบีบีบล็อกมา ผมเชื่อแน่ครับว่าคุณผู้อ่านหลายๆ ท่านคงจะได้รู้จักกับสมุดมากหน้าหลายตาต่างยี่ห้อ รวมไปถึงกระดาษที่ใช้ข้างในว่าคุณภาพของกระดาษนั้นแตกต่างกันอย่างไร เขียนแล้วซึมมากซึมน้อยหรือไม่ทะลุอะไรประมาณนั้น ไอกระดาษที่ดีงาม เขียนมันมือแต่ใช้กับปากกาหมึกซึมแล้วไม่มีซึมเลย ผมก็จะเรียกว่าเป็น “กระดาษเทพ” ซึ่งสมุดที่จะผ่านมาเป็นสมุดกระดาษเทพได้ ก็ช่างมีน้อยนิดเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น ทำไมตัวเลือกมันถึงมีน้อยจังนะ?

สำหรับตัวผมเอง พี่ปอนด์บีบีบล็อกผู้ที่ชื่นชอบความบาง… เอ่อ…ก็อะไรที่บางๆ มันก็ย่อมให้ความรู้สึกที่ดีมากกว่า จริงมะ? ยกตัวอย่างเช่น สมุดเล่มบางๆ ก็สามารถพกพาไปเขียนได้ง่าย หนังสือเล่มบางหยิบไปอ่านบนรถก็แขนไม่ล้า หรือจะเป็นผมบาง…อันนี้ข้ามเหอะรู้สึกเจ็บจี๊ด อ้อ! เสื้อผ้าบางๆ ซีทรูที่ใส่แล้วคลายร้อยแถมถ้ายิ่งแนบเนื้อด้วยจะวิเศษไปเลย ถุย! แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นไม่มีอะไรจะดีไปกว่า “กระดาษบางๆ ที่เขียนด้วยปากกาหมึกซึมแล้วไม่มีซึมทะลุ” ในครั้งนี้ผมมีกระดาษเทพที่ดังที่สุดของวงการคนรักปากกาหมึกซึมมารีวิวให้ได้อ่านกันครับ

Taroko Design Notebook คือสมุดจากคนที่รักในการทำสินค้าจำพวกสมุดจาก Taroko Design ประเทศไต้หวัน โดยจุดมุ่งหมายนั้น Taroko Design ต้องการจะทำสมุดที่มีความหลากหลายในแง่ของการใช้งาน มีลายกระดาษให้เลือกใช้มากมายตามแต่ละงานที่ต่างกัน นอกจากนั้น “คุณภาพของกระดาษ” ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดด้วย ทาง Taroko Design เลยเฟ้นหากระดาษคุณภาพดีที่ว่านี้ เอามาทำเป็นสมุดของตัวเอง แล้วแจ็คพ็อตก็มาตกอยู่กับเจ้ากระดาษนี้ กระดาษที่เชื่อแน่ว่าคนรักปากกาหมึกซึมไม่มีใครจะไม่รู้จัก Tomoe River paper

Tomoe River Paper กระดาษสำหรับปากกาหมึกซึม

ผมเชื่อว่าคนรักปากกาหมึกซึมหลายๆ ท่านที่อ่านบีบีบล็อกอยู่นี้คงจะคุ้นหูคุ้นตากับเจ้ากระดาษนามว่า Tomoe River paper กันมาบ้างไม่มากก็น้อย คือเมื่อหลายปีก่อนนั้นก็เคยมีคนมาเย้วๆ ใส่ผมว่าทำไมไม่เอามารีวิวให้อ่านกันสักที กระดาษนี้มันเทพมากเลยนะ เออหน่ะ ผมก็รู้ว่ามันเทพ แต่ผมขี้เกียจ + เงินหมด เลยไม่เอามารีวิวไง

โดยเจ้ากระดาษ Tomoe River นี่เป็นผลผลิตของ บริษัท Tomoegawa ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตั้งใจจะผลิตกระดาษที่ใช้งานได้ดีและเหมาะกับการเขียนด้วยปากกาหมึกซึม และที่สำคัญคือ ต้องบางและเขียนแล้วหมึกไม่ทะลุไปด้านหลังด้วย จนออกมาเป็นเจ้า Tomoe River paper ที่หลายคนยอมรับว่าเป็นเทพกระดาษ และถูกเลือกใช้ให้เป็นกระดาษสำหรับสมุดหลากหลายยี่ห้อในท้องตลาดนั่นเอง

ขนาดสมุด จำนวนหน้า

ขนาดสมุด Taroko Design Notebook มีด้วยกัน 2 ขนาดตามสมัยนิยม ขนาดแรกคือขนาดปรกติ Regular Size : 110 x 210 mm และอีกขนาดคือ Passport Size : 90 x 124 mm ตัวปกสมุดจะทำจากกระดาษสีน้ำตาล (กระดาษ kraft ความหนา 150 gsm) ซึ่งใช้สีปกที่แตกต่างกันออกไปตามชนิดของลายกระดาษ เข้าเล่มแบบเรียบง่ายด้วยวิธีการเย็บด้วยลวดเย็บกระดาษแบบมุงหลังคา แต่ละขนาดสมุดจะมีจำนวนหน้ากระดาษแตกต่างกันไปตามความหนาของกระดาษที่อยู่ภายในครับ โดยถ้าเป็นกระดาษความหนา 52 gsm จะได้จำนวนหน้า 96 หน้าในสมุดทั้ง 2 ขนาด แต่ถ้าเป็นกระดาษความหนา 68 gsm ก็จะได้จำนวนหน้า 64 หน้าเหมือนกันทั้ง 2 ขนาดครับ

ความบาง

…เน้นจังเลยไอเรื่องความบางเนี่ยะ คือว่าการที่สมุดใช้กระดาษบางๆ ข้อดีของมันก็คือทำให้สมุดไม่หนาไง (ทำไมฟังแล้วดูกวน?) ก็อย่างที่ตะกี้ได้แอบเห็นไปแว่บๆ แล้วก็คือว่า Taroko Design Notebook เค้าใช้กระดาษ 2 น้ำหนักคือ 52 gsm และ 68 gsm ซึ่งเมื่อผมเอามาเทียบกันก็เรียกได้ว่าไม่เห็นถึงความแตกต่างนะถ้าไม่เพ่งดูให้ดีๆ แต่ทั้งนี้ถ้าหากว่าเราลองเอานิ้วมาลูบมาจับดู ก็จะสังเกตได้ถึงความหนาที่แตกต่างกันครับ

ลายกระดาษ สีกระดาษ

ลายกระดาษที่ทาง Taroko Design Notebook นั้นเลือกพิมพ์ลงบนกระดาษ Tomoe River มีด้วยกัน 3 ลาย + 1 ลาย(เป็นหน้ากระดาษเปล่าๆ หน่ะ) ได้แก่ แบบเส้นบรรทัด(Ruled), แบบเส้นตาราง(Graph), แบบจุด(Dot) และสุดท้ายคือแบบไร้เส้น (Blank) โดยทั้ง 4 แบบนี้ก็เรียกได้ว่าครบถ้วนตามความต้องการใช้งานของเราล่ะครับ

อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นจุดเด่นของ Taroko Design Notebook นั่นก็คือเรื่องของ “สีกระดาษ” ที่มีให้เลือกใช้ด้วยกัน 2 สี นั่นก็คือสีงาช้างและสีขาว ตรงนี้ผมว่าเป็นเรื่องดีนะเพราะแต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะชอบกระดาษที่มีสีงาช้างนวลตา เวลาเขียนหรือเปิดอ่านจะได้สบายตาไปเลย แต่บางคนก็อาจจะอยากได้กระดาษที่มีสีขาวจั๊วะ ชอบผิวขาวๆ เนียนๆ (หืม?) เพื่อให้เห็นว่าสีของหมึกปากกาที่เราเขียนลงไปนั้นจะไม่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง แต่ทั้งนี้หากชอบกระดาษที่บางเพียง 52 gsm ก็จะมีกระดาษให้เลือกแค่เพียงสีเดียวเท่านั้นคือสีขาวครับ ใครอยากได้กระดาษสีครีมบางๆ ก็อดกันไป กรั่กๆๆ (เดี๋ยวเรื่องกระดาษตัวไหนมีลายอะไรบ้างผมจะเอาไปย่อยในส่วนของราคาอีกทีนะ)

ลองเขียนจริง

Tomoe River paper 52 gsm สีขาว ลายจุด

กระดาษตัวแรกที่ผมลองนั้นเป็นกระดาษสีขาว ลายจุด ที่มีความหนาเพียง 52 gsm ครับ ผมลองจับๆ ดูก็รู้สึกว่ามันช่างเป็นกระดาษที่บางจนน่าประหลาดใจ ผมเก็บความประหลาดใจนี้ไว้ก่อนแล้วลงมือเขียนทันทีเพราะปากกามันเริ่มส่งเสียงร้องอยากจะพ่นหมึกเต็มทน ผมลงมือเขียนแล้วรู้สึกว่ากระดาษตัวนี้มันเขียนได้ลื่นมือทีเดียวนะ ความรู้สึกเหมือนกระดาษบางๆ ที่ผิวหน้าเรียบลื่นเขียนได้ง่ายแต่ไม่ได้รู้สึกเหมือนพวกแผ่นฟิล์มแต่อย่างใด ทั้งนี้ด้วยความที่มันเป็นกระดาษที่บางมากเพียง 52 gsm เองอ่ะ เวลาเขียนเราจึงต้องใช้อีกมือคอยทับคอยยึดหน้ากระดาษไว้ด้วย เพราะว่าเวลาเขียนถ้าหากเราเป็นคนที่มือหนักหรือเขียนเร็วสักหน่อยอาจจะทำให้กระดาษมันย่นได้

Tomoe River paper 68 gsm สีครีม ลายจุด

กระดาษตัวที่สองนี้หนาขึ้นมาหน่อยครับเป็น 68 gsm ผมมองว่ากระดาษตัวนี้ ผิวสัมผัสมันจะเหมือนกระดาษทั่วไปเข้ามาอีกนิด เวลาเขียนจะรู้สึกฝืดกว่าตัว 52 gsm ขึ้นมาอีกนิดเดียวแต่ผมว่าเป็นสัมผัสที่ดีและคุ้นมือนะ เขียนสนุกไม่ต้องคอยจับกระดาษหน้าสมุดไว้ด้วยอีกมือหนึ่งมากเพราะว่ามันหนาขึ้นมาอีกนิดไง นอกจากนั้นด้วยความที่เป็นกระดาษสีครีมแต่ไม่ครีมมากจนเหลือง มันจึงอ่านแล้วสบายตากว่าปรกติเล็กน้อยแต่ไม่ได้ทำให้สีผิดเพี้ยนไปมากมายเหมือนพวกกระดาษสีครีมที่หนักไปทางเหลือง

ซึมทะลุด้านหลังมั้ย?

พลิกดูด้านหลังผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่มีรอยซึมของปากกา ทั้งกระดาษ 52 gsm และ 68 gsm นั้น ผมลงน้ำหนักปากกาไปเยอะ เขียนอักษรก็หวัดๆ กดๆ แต่ก็ยังไม่เห็นอาการหมึกซึมทะลุที่ด้านหลังแม้แต่น้อย จะมีก็เพียงแค่ถ้าเป็นกระดาษ 52 gsm เวลาที่เราพับหน้ากระดาษลงบนหน้าอื่นๆ เราก็จะเห็นสิ่งที่เราเขียนในอีกหน้าได้บ้าง (Show-Through) แต่แน่นอนว่าไม่มีหมึกซึมเลย ยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือจริงๆ Tomoe River paper

เห็น shade และ sheen ชัดเจน

นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมมองว่าทำไมกระดาษ Tomoe River ถึงเป็นมิตรรักแฟนปากกาหมึกซึม สิ่งที่ผมกำลังจะสื่อก็คือว่าผมได้ลองเอาปากกาหัวตัดของ Lamy จุ่มหมึก Sailor Jentle Ink : Yama-dori ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมึกที่มี sheen และ shading สวยติดระดับท๊อปและเห็นชัดที่สุดตัวนึง แต่ทั้งนี้การที่หมึกที่มีคุณสมบัติแบบนี้จะเปล่งประกายให้เห็นทั้งโทนสีและสีเหลือบได้ กระดาษที่เขียนลงไปก็จะต้องเป็นส่วนเสริมด้วยเช่นกัน

ผมเลือกกระดาษ Tomoe River สีขาว ความหนา 52 gsm แบบจุดมาทดสอบสีของหมึกครับ และเนื่องด้วยใช้วิธีจุ่มหมึกอีกทั้งเป็นปากกาหัวตัด ทำให้เราสามารถเห็นน้ำหนักของหมึกที่หนัก-เบาตามปริมาณน้ำหมึกที่บาง-หนาได้ และเมื่อหมึกแห้งก็ลองเอามาส่งกับแสงไฟดู ก็จะเห็นว่าด้วยคุณสมบัติของกระดาษที่ไม่ทำให้หมึกจมลึกลงไปในเนื้อกระดาษเสียทั้งหมด ทำให้เรายังเห็น shade และ sheen ได้อย่างชัดเจน ช่วยขับสีของหมึกปากกาให้โดดเด่นต่างกับกระดาษทั่วๆ ไป

ซื้อที่ไหน?

สมุด Taroko Design Notebook เหล่านี้สามารถหาซื้อได้ไม่ยากเลยครับจากร้านค้าที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ร้านปากกาหมึกเยอะ The PIPS Café ซึ่งหากลองกดเข้าไปตอนนี้จะเห็นว่ามีสมุดมาประจำการให้เลือกจนตาลายแล้วล่ะ

ราคาเท่าไหร่?

ด้านราคาค่าตัวของสมุดนั้นจะแบ่งออกไปเป็น 4 ราคา ตามขนาดสมุดและความหนาของกระดาษครับ รายละเอียดมีดังนี้

ความเห็นจากบีบีบล็อกผู้ชอบความบาง…

ผมมองว่านี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากได้ไส้สมุดที่ใช้กระดาษแบบอื่นๆ ทั้งในเรื่องของลายกระดาษและสีของกระดาษ ด้วยเพราะสมุด Taroko Design Notebook นี้มีกระดาษทั้งแบบไม่มีเส้น เส้นบรรทัด จุด และตาราง ทำให้เราสามารถเลือกใช้ได้ตามลักษณะงานและความต้องการของเรา อีกทั้งเรื่องของสีกระดาษที่มีให้เลือกชัดเจนคือสีขาวจั๊วะกับสีครีมสีงาช้างอ่านสบายตา

นอกจากนั้น การที่ใช้กระดาษ Tomoe River มาเป็นเนื้อในยิ่งทำให้สมุดเล่มนี้มีจุดแข็งเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะอย่างที่พวกเราสาวกที่คร่ำหวอดในวงการปากกาหมึกซึมมานาน ท่องไปตามเว็บบอร์ดหรือเว็บเซียนปากกาปากกาหมึกซึมก็มักจะได้ยินชื่อของกระดาษ Tomoe River ว่ามันเป็นกระดาษที่เหมาะกับปากกาหมึกซึมอย่างแท้จริง แต่เนื่องด้วยปรกติกระดาษ Tomoe River นั้นจะขายมาเป็นแผ่นๆ ซึ่งใช้งานค่อนข้างยาก การที่ Taroko Design จับนำมาทำเป็นรูปเล่มสมุดเลยทำให้เราสามารถใช้งานกระดาษเทพนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น

เป็นอย่างไรบ้างครับกับสมุดที่ใช้กระดาษที่เซียนปากกาหมึกซึมหลายๆ ท่านต่างร่ำลือกันมากนานอย่างกระดาษ Tomoe River ผมแนะนำให้ลองหาสมุด Taroko Design Notebook เหล่านี้มาลองใช้งานดูนะครับ นอกจากจะมีลายกระดาษให้เลือกมากมายแล้ว ยังมีสีกระดาษทั้งสีขาวและสีครีมให้เลือกอีกด้วย ที่สำคัญคือเขียนยังไงก็ไม่ซึมทะลุหน้าหลังแถมยังขับสีของหมึกให้โดดเด่น สมเป็นกระดาษสำหรับคนรักปากกาหมึกซึมอย่างแท้จริง หากคุณกำลังมองหาสมุดกระดาษเทพๆ แบบนี้มาใช้งานแล้วล่ะก็ ครั้งต่อไปอย่าลืมเลือก Taroko Design Notebook มาใช้ดูนะครับ

ขอขอบพระคุณ

คุณเอ็ม แห่งร้านปากกาหมึกเยอะและปากกาสุดงาม The PIPS Café ที่สนับสนุนสมุด Taroko Design Notebook มาให้ผมได้ลองใช้และสัมผัสถึงความบาง ขอบพระคุณครับ!